แนะนำหนังสือจากสำนักพิมพ์ We Learn ‘ศิลปะเเห่งการคิดไขว้’ หรือ Crossover Thinking
                
                    20 มิถุนายน 2567
                
               
        
           
         
แนะนำหนังสือจากสำนักพิมพ์ We Learn เเปลโดย เเพรพลอย มหาวรรณ เขียนโดย Dave Trott เรื่อง ‘ศิลปะเเห่งการคิดไขว้’ หรือ Crossover Thinking
				 Post Views: 371
			
        
        
            
        Tags: 
112, 
116, 
byd, 
eu, 
gaza, 
russia, 
Schengen, 
Ukraine, 
USA, 
Visa, 
กฎหมาย, 
กาซ่า, 
การเมือง, 
ก้าวไกล, 
ข่าว, 
คุณปลื้ม, 
จีน, 
ธนาคาร, 
ธนาธร, 
นักโทษ, 
ประชาธิปไตย, 
ป่า, 
พิธา, 
ยุโรป, 
ยูเครน, 
รถไฟฟ้า, 
รัฐบาล, 
รัสเซีย, 
วีซ่า, 
สงคราม, 
ส่งออก, 
สว, 
สิ่งแวดล้อม, 
สิทธิ, 
หนี้, 
หม่อมปลื้ม, 
อเมริกา, 
เงิน, 
เพื่อไทย, 
เลือกตั้ง, 
เศรษฐกิจ, 
เศรษฐา, 
เสรีภาพ, 
แนะนำ หนังสือ, 
โลกร้อน, 
ไหม 
         
        
		
        
        
		
        		  
		
        
        
     
        
    
	  	
		
	  	
 
9 Comments
ชอบ ช่วง ที่คุณปลื้ม แนะนำ หนังสือ หรือ รายการ ที่คุณปลื้ม ติดตาม
ฟังคุณหม่อมปลื้มทุกวันค่ะ และแชรให้เพื่อนๆได้ฟังด้วยค่ะ__ขอบคุณมากค่ะที่ให้สาระข่าวสารดีๆกับสังคมอยากให้ทุกคนได้ฟังค่ะเป็นการเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ดีมากๆค่ะ
ชอบๆๆๆหลากหลาย ❤❤❤
การทำงานไม่ต้องมีสำนัก..ทำด้วยใจรัก มีสารดีๆเป็นวิทยาทานให้คนอื่นดีมากค่ะสุขใจ
ชอบมากๆๆ ค่ะที่มีการแนะนำหนังสือ
รออ่านนะค้าบ
ไม่อ่านก่อนแล้วค่อยมารีวิวหละ 🙄
ตอนที่สอง…
โดยมีไอ้พวกผิวเหลืองสติปัญญาดีสามชาติ(ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ไต้หวัน) ช่วยกันพัฒนาต่อยอดจินตนาการนี้ ผลที่ได้คือชิพไอซี ชิพประมวลผล เซ็นทรัลโปรเซสซิ่งยูนิต(กลายมาเป็น Cannon, Sony, TSMC, ซัมซุง ฯลฯ ในปัจจุบัน) แล้วก็เข้าสู่ยุค Home computer โดยสมบูรณ์ (แต่โซเวียตก็ยังติดแหง็กอยู่กับหลอดสูญญากาศต่อไป แม้จะพัฒนาหลอดสูญญากาศจนเอามาเป็นอินดิเคเตอร์(ตัวแสดงผล)ได้
แต่อเมริกากับบริวารก็ไปใกลสุดกู่จนโซเวียตและโลกคอมมิวนิสท์ตามไม่ทันแล้ว
และในที่สุดสหภาพโซเวียตก็ล่มสลายลงไปในยุค 80
แต่มรดกล้ำค่าที่สหภาพโซเวียตทิ้งไว้ให้แก่ประเทศบริวาร ก็คืองานด้านวิทยาศาสตร์แขนงอื่นๆที่ไม่ใช่คอมพิวเตอร์ หลากหลายสาขาวิชาการ ที่เป็นมรดกตกทอดจากสภาพโซเวียต ที่มอบให้แก่ประเทศรัสเซียและเหล่าอดีตประเทศบริวารของสหภาพโซเวียตในปัจจุบันทึ่ยังคงถูกพัฒนาต่อยอดก้าวหน้ากว่าโลกตะวันตกในสาขาวิชาเดียวกัน ยกเว้นชิพคอมพิวเตอร์
Thasspong Thapsang
19 Jun 2024.
ถ้าพูดถึงความพ่ายแพ้ของสหภาพโซเวียตรัสเซีย ต่อสหรัฐอเมริกา ในสงครามเย็นช่วงปี 80 นั้นมันมีที่มาจากระบอบการเมืองการปกครองจริงๆนั่นแหละ
อย่างที่ไอน์สไตน์เคยกล่าวไว้ "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"
ถามว่าหลังสงครามโลกครั้งที่สอง สหภาพโซเวียตไม่มีความรู้หรือ…???
เปล่าเลย ตรงกันข้าม งานวิทยาศาสตร์ของโลกคอมมิวนิสต์โซเวียตก้าวหน้าที่สุดในโลก อันมาจากหลักการสังคมนิยม ที่บังคับไม่ให้ประชาชนเชื่อถือในเรื่องงมงายที่พิสูจน์ไม่ได้
ส่งผลให้งานด้านวิทยาศาสตร์ของสหภาพโซเวียตและประเทศบริวาร ก้าวล้ำนำหน้าทุกประเทศในโลก (สหภาพโซเวียตส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรได้เป็นชาติแรกของโลก, สหภาพโซเวียตส่งมนุษย์อวกาศ ยูริ กาการิน ไปโคจรรอบโลกได้เป็นชาติแรกของโลก)
แล้วถามว่าอะไรทำให้โซเวียตพ่ายแพ้อเมริกา
คำตอบที่ผมได้จากการค้นคว้า-วิเคราะห์เรื่องนี้ด้วยตัวเองมาอย่างยาวนานก็คือ "จินตนาการ" ครับ
โซเวียตมีแต่ความรู้ แต่ด้วยกฏเกณฑ์ของระบอบสังคมนิยม ทำให้นักวิทยาศาสตร์โซเวียตขาดจินตนาการ การส่งดาวเทียมไปโคจรรอบโลก, การส่งมนุษย์ไปโคจรรอบโลก ล้วนแต่เป็นจินตนาการของชาติตะวันตกมาก่อน(มี วอร์เนอร์ ฟอน บราวน์จากเยอรมันนีเป็นหัวหอกในเรื่องไปอวกาศ, ไปดวงจันทร์นี้) แล้วโซเวียตก็เอา "จินตนาการ" ของโลกตะวันตกมาทำให้เป็นจริงด้วยนักวิทยาศาสตร์ของโซเวียต ที่รัฐบาลคอมมิวนิสต์ทุ่มเทสนับสนุนการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์อย่างเต็มที่
งบประมาณค้นคว้าวิจัย ส่งเสริมวิทยาศาสตร์ของโลกคอมมิวนิสท์ พอๆกับงบประมาณด้านกลาโหม(อันที่จริงมันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วยซ้ำ)
แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ตัวชี้ขาดผลแพ้ชนะทางด้านเทคโนโลยี
ตัวชี้ขาดผลแพ้ชนะ มันอยู่ตรงที่อุปกรณ์ตัวเล็กๆที่รู้จักกันในชื่อ "ทรานซิสเตอร์" นี่เอง
เมื่อตอนเริ่มต้นการแข่งขันเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ กับสหภาพโซเวียตนั้น อุปกรณ์อิเลคโทรนิคทั้งของอเมริกาโลกเสรี กับของสหภาพโซเวียตโลกคอมมิวนิสต์ มันมีจุดเริ่มต้นจากหลอดสูญญากาศ (Nixie Tube) ที่ทำหน้าที่เป็นทรานซิสเตอร์ เหมือนๆกัน (ถ้าบ้านใครมีวิทยุธานินทร์เก่าๆหนักๆรุ่น 70-80 ปีก่อนจะเห็นว่ามีหลอดสูญญากาศอยู่ข้างใน) เปิดใช้งานที ต้องหาพัดลมตัวเล็กๆมาเป่าให้ความเย็น เพราะมันร้อนมาก กินไฟมาก
พอถึงช่วงราวๆปี 50-60 ด้วยจินตนาการของห้องวิจัยเบลแลบของสหรัฐค้นพบวิธีการที่จะนำเอาแร่ชนิดอื่นมาสร้างเป็นทรานซิสเตอร์ทดแทนหลอดสูญญากาศได้
ประกอบกับช่วงนั้นทั้งเกาหลีใต้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ที่บอบช้ำมาจากสงครามโลกเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัวจากสงคราม
อเมริกาต้องการฟื้นฟูเศรฐกิจสามประเทศนี้หลังสงคราม ก็เลยแบ่งปันเทคโนโลยีทรานซิสเตอร์ให้ประเทศเหล่านี้ เอาไปต่อยอดรังสรรค์เป็นอุปกรณ์อิเลคโทรนิคต่างๆ เป็นวิทยุทรานซิสเตอร์ที่มีขนาดเล็กลง น้ำหนักเบา พกพาไปไหนมาไหนได้ แล้วแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว แล้วต่อยอดพัฒนาจนกระทั่งเกิดอารยธรรม "Walkman" ของ Sony จากญี่ปุ่นที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
แต่โซเวียตก็ยังคงติดกับดักอยู่ในเทคโนโลยีหลอดสูญญากาศเหมือนเดิม
ในอีกทางหนึ่ง นักวิจัยของสหรัฐฯก็จินตนาการต่อไปว่า ถ้าทำให้ทรานซิสเตอร์มีขนาดเล็กลง แล้วมีทรานซิสเตอร์หลายๆตัวทำงานร่วมกันอยู่ในวงจรเดียวกัน ก็จะทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีประสิทธิภาพดีขึ้น
มีต่อตอนที่ 2