‘เราเกิดมาทำไม’ รู้คำตอบแล้วคลายทุกข์ HND! โดย นิ้วกลม Post Views: 56 FacebookFacebookXXLINELine Tags: 'นิ้วกลม', สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์, หนังสือนิ้วกลม
23 Comments
ปีติสุขที่ท่าน ปรหังสา โยคานันทะที่ว่าไว้ คือพ้นสภาวะทั้งสุขแลทุกข์
ต่างจากฌาณที่ 2
ลองฟังกันแบบไม่ต้องเปรียบเทียบว่าอะไรดีกว่าไม่ดีกว่า เพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่าท่านเป็นเจ้าของธรรมะที่สอน ท่านว่าผู้ใดปฏิบัติย่อมถึงที่จุดเดียวกัน
จริตแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน ฟังแล้วดึงจุดดีๆไปทำ บางคนเขาอาจจะชอบแบบนี้ ก็ไม่ได้สิ่งที่ถูกหรือผิด
ดังนั้นไม่ต้องตัดสินใดใด
ฟังแล้วดีก็นำไปใช้ ฟังแล้วไม่ดีก็ฟังเพลินๆ
เขาพูดเรื่อง ศาสตร์แห่งศาสนา ตั้งแต่ฟังมายังไม่เห็นเขาชวนเข้าศาสนาเขาเลย เขาแค่อธิบายจิตพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตว่าที่สุดแล้ว คืออะไร
เป้าหมายคือ สุดท้ายทุกคนต้องการความพ้นทุกข์และเข้าถึงปิติสุข
มองแค่นี้พอ
สำหรับผมเราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตและรักษาเผ่าพันของเราครับเกิด.แก่.เจ้บตาย.วงจงชีวิตครับวิทยสาดอธิบายได้.ที่นี้ใช้ให้มันคุ้มค่าตามช่วงเวลาครับหาความสุขความเจรินให้ตัวเองและให้ชาติบ้านเมืองปะเทศเพื่อนมนุษพัตนาหาความรู้เทคโยทั้งการแพททั้งการใช้ชีวิตตามความเป้นจริงแล้วส่งต่อความรู้ความดีงามความสะดวกสะบายให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานแล้วก้ตายตาหลับ😅แต่สิ่งทีเราทำใว้จะไม่ตายคับเช่นคำสอนและเทคโนโลยีโดยที่เขาไม่เสียเวลาลองผิดลองถูกนานครับและใช้ชีวิตโดยไม่เดือดร้อนเบียดเบียนผู้หนึ่งผู้ใดเพราะถ้าเราทำให้ใครเดือดร้อนเขาและเราจะส่งต่อสิ่งไม่ดีและเขาจะนำตำรวจมาจับเราครับ😂😂
ฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่สนุกมากค่ะชอบค่ะ❤😊
ขอบคุณครับ
ความโกลาหลบนความมีแบบแผน มั่นคงแต่ไม่มั่นคงบนความมีแบบแผน ว่างเปล่าแต่เป็นองค์ (เส้นผมบังภูเขาทองคำ) ไม่หาประโยชน์ใส่ตนแต่จงให้ประโยชน์ผู้อื่น
เกิดมาเพื่อ….
1.ผสมพันธ์ เพื่อรักษาเผ่าพันธ์
2.กำจัดซาก สร้างสมดุลธรรมชาติ เช่น การกิน
เราเกิดมาทำไม คงตอบได้ยาก เพราะทุกสรรพสิ่งล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างซับซ้อนมาก
ธรรมชาติมีความลับที่เราไม่สามารถรับรู้ได้เพราะเรารับรู้ได้จำกัด
เป็นข้อมูลที่ดีมากครับ! นี่คือหนึ่งในข้อมูลที่ได้วิเคราะห์กลั่นกรองอย่างละเอียดระออ ด้วยความตรงไปตรงมาและเป็นความจริงมากที่สุด! …มีความงาม-ความสุขที่เราปรารถนาอยู่2ด้านคือ1.จากธรรมชาติ(ที่มนุษย์เราสร้างไม่ได้) 2.จากการสร้างของมนุษย์เรา(ที่เรียกว่าวัฒนธรรม) และเราก็พยายามที่จะมุ่งไปสู่เป้าหมายสูงสุดคือ"ความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกันโดยสมบูรณ์"กับสองสิ่งนี้ แต่"ปิติสุข"หรือภาวะแห่งพระเจ้านั้นก็คือเมื่อภาวะจิตใจแห่ง"ตัวตน"ของเรานี้ได้หายไปอย่างหมดสิ้น แล้วภาวะจิตใจนี้ก็ได้เข้าสู่ภาวะแห่ง"ความกลมกลืนกับวัฒนธรรมธรรมชาติโลกโดยสมบูรณ์" ซึ่งจริงๆแล้วมันก็คือภาวะพื้นฐานในจุดเริ่มต้นของชีวิต คือ"ทารกในครรภ์หรือเด็กเล็กๆ" ทารกและเด็กๆจึงมีศาสนาโดยธรรมชาติ มีสมาธิขั้นสูงสุดโดยธรรมชาติ แม้ว่าจะยังไม่รู้จักกับศาสนาใดๆของมนุษย์เราเลย …"ปิติสุข"นี้เอง ที่ได้ทำให้รูปลักษณ์รูปกายและท่าทีของเด็กๆนั้นน่ารัก ทำให้เกิดดอกไม้ที่สวยงาม เกิดผลไม้ตามฤดูกาล และเกิดความสงบน่ารักในจิตใจของพ่อแม่ปู่ย่าตายายที่ได้เลี้ยงดูลูกหลาน ไม่มี"ปิติสุข"หรือภาวะแห่งพระเจ้าก็ย่อมไม่มีสิ่งเหล่านี้ สิ่งนี้เองที่เป็นพืันฐานสำคัญที่สุดที่ทำให้มนุษย์เราไม่สูญพันธ์ุ จนได้มีเราในวันนี้ …ดังนั้นการมี"ศาสนาหรือไม่มีศาสนา"นั้นก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า… เราเคยได้ตั้งคำถามและแสวงหาคำตอบอย่างจริงจังหรือไม่ว่า แท้จริงแล้วศาสนาคือสิ่งใด? คือวิถีทางใดหรือ?
กล่าวในส่วนคนพุทธนะครับ
การเกิดมาเพื่อหาหนทางดับทุกข์จากรูปนามที่เป็นขันธ์ทั้ง๕ ที่ได้รับมานี้แหละ ล้วนเป็นทุกข์
ชาติที่ได้โอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์นี้ มีร่างกายเอามาเป็นเครื่องมือ ให้ศึกษาให้ถึงการพ้นทุกข์
และหาทางทำให้คุณภาพจิตยกระดับขึ้นสู่ภาวะนิพพาน
ถ้าไม่ถึงภาวะนี้ก็ล้วนไม่พ้นทุกข์ ถึงจะได้อัตภาพเป็นเทวดาหรือพรหม ก็ยังอยู่ในวัฏฏะ วนเวียนรับทุกข์กันอยู่
ชีวิตสรุปง่ายๆคือความทุกวุนวายศาสนา คือไร้สาระสร้างความปวดหัวให้มนุษย์ ตายคือจบทุกคน
ถามตัวเองสิครับ ไปหาคำตอบจากความคิดความเห็นของคนอื่น มันเหมือนเกิดมาทำตามเขา
ส่วนเรื่องศาสนาก็ศึกษาทุกอัน แล้วสรุปเอาว่าศานาไหนคือคำตอบ
เราเกิดเพราะอวิชา ความไม้รู้ในอริสัจสี่
ตอนที่รู้สึกมีความสุขที่สุดขอตอนนอนหลับและไม่ได้รับรู้อะไรเลยฟ
ที่ว่าหลังจากนิพพานแล้วจะไม่เกิดใหม่อีกเลยไม่ว่าจะเป็นโลกสวรรค์นรก นั่นหมายถึงว่าดวงวิญญาณได้สลายไปพร้อมกับดวงจิต เมื่อไม่มีการเกิดใหม่ก็ไม่เกิดทุกข์อีกต่อไปเป็นการดับทุกข์ตลอดกาล การที่คนไทยกราบไหว้ขอพรจากพระซึ่งได้นิพพานเท่ากับว่าเป็นการขอพรจากสิ่งที่ไร้ตัวตนไร้จิตวิญญาณไปแล้วหรือไม่ครับ
ด้วยปัญญาที่มีอยู่น้อยนิด
นี่จึงเป็นอีพีที่ย้อนฟังหลายรอบมาก
(ไม่สิ ต้องขยายว่า ย้อนฟังดลับกลับไปกลับมา จะถูกกว่า)
แถมยังต้องใช้การลดความเร็วลงไปอีก 30%
ผมถึงจะพอสามารถจับใจความ+คิดตามได้ทัน
(แต่กระนั้นก็ยังไม่ 100% อยู่ดีแน่นอน)
เพราะเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งและเข้าใจไม่ง่ายมากครับ
แต่ก็มีประโยชน์มากๆ เช่นกัน
ที่สำคัญไม่น่าเชื่อว่าผมจะอยากฟังเรื่องแบบในหนังสือเล่มนี้
ด้วยอัตตาบางอย่างที่(เคย)มี
บอกเลยว่าถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมต้องต่อต้านปฏิเสธมากๆ แน่ๆ
…เติบโตขึ้นบ้างเหมือนกันนะเรา…
(ใช่สิ อีกประมาณครึ่งปี[วันนี้ 1.15967] ก็จะ 40 แล้ว ก็ต้องคิดอ่านอะไรได้บ้างแหละ)
สุดๆ ผมมาฟังคุณนิ้วกลม ลึกซึ้งมากๆ
ถามผิด ต้องถามว่าเราเกิดมาใด้อย่างไร ….ถ้าเกิดมาทำไม ตอบว่า เกิดมารับกรรม
DNA เป็นรหัสหรือโปรแกรมในการสร้าง"รูปร่างกาย"
จิต(เปลี่ยนจาก*ธาตุสสารกลายเป็นพลังงานได้ เส้นสายพลังงานนั้นมีคุณสมบัติที่เป๋นลักษณะเฉพาะ และแตกต่างกันความเข้ม ความสั่น ความถี่…จะมีอยู่10 เส้นสายที่เรียกว่า สังโยชถ์ผูกล่ามโซ่เราไว้ในวงจร "วนลูป" เวียนว่ายตายเกิด ซ้ำๆ จากที่สนุก สุข จนกว่าจะเริ่มรู้ว่าทุกข์ จนกว่าจะเบื่อ จนกว่าจะถึงจุดหนึ่งที่เริ่มรู้ตัวและเอ๊ะใจก็จะเกิดคำถามว่า "เกิดมาทำไม" จากนั้นจะเริ่มต้น เพื่อหาทางออกจากการ เล่น"วนลูป"ไม่อยากเกิดไม่อยากดับอีกต่อไป…
เมื่อนั้นจิตจะเริ่มโปรแกรม"รหัสไวรัส"สะสมติดอยูในจิต เป็นรหัสที่ทำให้ต้องแสวงหาทาง หยุดการเกิด
วงจรการเกิดซ้ำๆ เป็นเพราะเราไม่มีปัญญาที่จะเข้าใจ ยังกลัวที่จะตาย ยังกลัวที่จะหายไป ยังเสีกลัวที่จะเสียความทรงจำ ยังเสียดายสัญญาความจำได้หมายรู้เก่าๆที่ยึดไว้ และหลงแสวงหาอารมณ์สะสมความหมายรู้ไว้ จนกลายมาเป็นตัวตนไว้หลายๆภพชาติ
และความหลงนี่แหละเป็นสิ่งที่ทำให้เราออกจากเกมส์สนามอารมณ์นี้ไม่ได้
ถ้าอยากออกจากเกมส์…ก็อย่ากลัวที่จะดับสัญญา สละความทรงจำทั้งหมดออกไป เมื่อเราไม่เอาความทรงจำสัญญาใดๆไว้อีกแล้ว ก็ไม่เหลือตัวตน ลบตัวเราออกจากเกมส์
เราเกิดมาทำไม ตอบเราเกิดมาเพราะพ่อแม่ทำให้เราเกิด เมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่ถ้าเราไม่มีลูกเราก็ไม่ได้ทำให้คนเกิดอีกต่อจากเรา
ขอบคุณมากค่ะ เห็นด้วยกับการพัฒนาจิตวิญญาณลดอัตตาลงใจเราก็เป็นอิสระ🙏🙏🙏🙏💚💚💚
ขอบคุณคลิปนี้มากครับ ที่ทำให้ผมเข้าสู่สภาวะจิตของ ผู้เฝ้ามอง
ความคิดคืออารมณ์ อารมณ์คือ ความคิด จิตคือตัวรับรู้ สติคือผู้ดูจิต ขอบคุณครับ 🥰🙏
ดีมากเลยค่ะ ❤
การเกิด เป็นทุกข์ อยู่ร่ำไป