เราทั้งคู่ผู้ไม่อาจมีรัก (KOISENU FUTARI)
“ฤดูคิมหันต์ฤดูแห่งรัก
ทั้งสองคนตั้งใจทัก
และชีวิตสองคนมาลัก
หัวใจของทั้งคู่ดีนัก”
“ความรัก” ที่แท้จริงคือรักแบบไหน รักหญิงชาย หรือรักแบบอะไร แต่หากเมื่อทุกคนพร้อมที่จะเรียนรู้อีกแบบ นั้นก็คือรักที่ไม่ต้องผูกมัดกัน ก็คือรักแท้อีกแบบไม่ใช่หรือ แล้วรักแบบนี้คือรักที่แท้จริงได้หรือไม่ เพราะฉะนั้น ทุกคนพร้อมใจที่จะรับรู้เรื่องรักแบบไร้รักกันแล้วหรือยังค่ะ
“งานไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต”
หนังสือเราทั้งคู่ผู้ไม่อาจมีรัก
ซาคุโกะเจอกับทาคาฮาชิโดยบังเอิญที่ซุปเปอร์มาร์เกต และซาคุโกะยังได้รู้จักอีกด้านหนึ่งของทาคาฮาชิเกี่ยวกับความคิดเรื่องเพศวิถี ซึ่งตรงกับความคิดของซาคุโกะ และทั้งสองตัดสินใจที่จะเป็นครอบครัว (ชั่วคราว) ด้วยกัน โดยที่ซาคุโกะอาศัยอยู่กับทาคาฮาชิ และทั้งคู่แบ่งปันเล่าเรื่องปัญหาของกันและกันให้ฟัง ฉันท์เพื่อนหรือพี่น้อง ซึ่งหลายครั้ง ทั้งคู่อาจไม่ลงรอยและมีปากเสียงกันบ้าง แต่สุดท้าย ทั้งคู่กลับมาคืนดีต่อกัน และหลังจากนั้น ซาคุโกะจะนำเพื่อนหรือครอบครัวมากมายเข้ามาในชีวิตของทาคาฮาชิ ไม่ว่าจะเป็นคาสุหรือมายะ จนทาคาฮาชิเริ่มคิดว่า “ชีวิตของเขาขาดซาคุโกะ” ไม่ได้ ซึ่งเป็นความรู้สึกเดียวกับซาคุโกะเช่นเดียวกัน แต่ทั้งสองคนต้องก้าวไปข้างหน้า เพื่อชีวิตที่ดีและชีวิตที่เดินตามความฝันของทั้งคู่
KOISENU FUTARI (J-SERIES)
“คนที่จะบอกว่าชีวิตฉันเป็นอย่างไร มีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้น” และ “คนที่จะเลือกความสุขให้ฉันได้ก็คือตัวฉันเอง” ซีรีย์ญี่ปุ่นเรื่องนี้ฮีลใจสุดๆค่ะ เพราะทำให้เราหันกลับมารู้จักตัวเองให้รอบด้านและเรียนรู้ที่จะรักตัวเองให้มากๆ โดยหลายครั้ง เราอาจจะต้องมองข้ามหรือช่างมันเถิดกับคนที่คิดร้ายหรือไม่เข้าใจเรา เพราะ “ไม่มีใครรู้จักหรือเข้าใจตัวเองได้ดีเท่าตัวเราเองแล้วค่ะ”
ซีรีย์เรื่องนี้เริ่มต้นจากที่ซากุโกะ ผู้ไม่เคยมีรักตัดสินใจมาสร้างครอบครัว (ชั่วคราว) กับทาคาฮาชิ ชายผู้ไม่รู้จักคำว่า “รัก” เช่นเดียวกัน โดยที่มีแฟนเก่าของซากุโกะอย่างคาสุก็พยายามที่จะทำให้ซากุโกะกลับมารักตนอีกครั้ง แต่ซากุโกะไม่ตอบรับ แถมซากุโกะเลือกที่จะตอบรับการสร้างครอบครัวไร้รักขึ้นมาด้วยกันกับทาคาฮาชิแทน
และเมื่อทั้งทาคาฮาชิอยู่ด้วยกันกับซากุโกะ ทั้งคู่รู้สึกดีกับความสัมพันธ์แบบนี้ เพราะความสัมพันธ์แบบนี้ทำให้ทั้งคู่มีความสุข โดยเฉพาะซากุโกะที่ได้ทำงานที่รัก ได้เป็นเพื่อนกับคาสุ ได้อธิบายให้ครอบครัวเข้าใจถึงสิ่งที่เป็น และยังมีทาคาฮาชิเป็นทั้งเพื่อน พี่ชาย และเชฟประจำวันทำอาหารสุดแสนอร่อยให้กินทุกวัน แต่แล้ววันหนึ่ง วันที่ซากุโกะตัดสินใจครั้งใหญ่ที่จะทำเพื่อความสุขของทาคาฮาชิก็เกิดขึ้น
เมื่อซากุโกะรู้ว่า “ทาคาฮาชิอยากอยู่กับซากุโกะ เพราะเขารู้สึกว่า “ซากุโกะคือทั้งครอบครัวและคนสำคัญ” แต่ทาคาฮาชิอยากไปทำตามความฝันของตัวเองอย่างอาณาจักรผัก” เพราะฉะนั้น ซากุโกะตัดสินใจบอกให้ทาคาฮาชิไปทำตามความฝัน ส่วนตัวเองก็จะยังอยู่ดูแลบ้านของทาคาฮาชิต่อไป ซึ่งทาคาฮาชิก็ยอมรับและเข้าใจ โดยที่ทั้งคู่ก็อยู่แยกกันอย่างมีความสุขได้
https://harusubth.wordpress.com/2022/01/14/koisenu/?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR1_W1hkK6o5YoCJjM3ulAH8xlX3ZQ33NL17bIbMpU2S4pyuXqMRqzmKU7s_aem_AT6p9TNlI9vcnxUE71Af0tka7DlM-A5dnOfXKhqxHObmL5gcUWoQo8zNh3HhQ9aQasKbELDJ6Ln0EHftkUdG-zbJ
(กดลิงก์และดูเรื่องฮีลใจนี่ไปด้วยกันค่ะ)
“ทั้งรักแท้ หรือรักแค่ รักชั่วครู่
รักที่รู้ หรือรักแค่ รักครั้งไหน
รักว่ารัก หรือรักแค่ รักกว่าใคร
รักหัวใจ หรือรักแค่ รักตัวเอง”
“เอโรแมนติก (AROMANTIC) คือวิถีความรักรูปแบบหนึ่ง หมายถึงการไม่รู้สึกรักใคร่ในเชิงโรแมนติกกับผู้อื่น ส่วนเอเซ็กชวล (ASEXSUAL) คือรสนิยมทางเพศอย่างหนึ่ง หมายถึงการไม่รู้สึกถึงแรงดึงดูดทางเพศจากผู้อื่น ส่วนในกรณีที่ไม่รู้สึกถึงทั้งแรงดึงดูดทางใจและแรงดึงดูดทางเพศจากผู้อื่น เรียกว่า เอโรแมนติก – เอเซ็กชวล (AROMANTI – ASEXSUAL)”
“Worry less, Smile more.”
(กังวลให้น้อยลง ยิ้มให้มากขึ้น)
หนังสือเล่มนี้และซีรีย์เรื่องนี้เป็นอะไรที่ฮีลใจสุดๆเลยค่ะ ทั้งสนุกและตื่นเต้นว่า “คนที่อยู่ครอบครัว (ชั่วคราว) อย่างทั้งคู่จะอยู่กันแบบไหนและจะอยู่กันอย่างไร” ซึ่งเมื่อเราได้ทั้งอ่านและดู นั้นทำให้เราเชื่อจริงๆว่า “ความสัมพันธ์แบบนี้มีจริงๆ” และเราพยายามคิดว่า “ความสัมพันธ์นี้คล้ายกับมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนหรือไม่” ซึ่งเรายิ่งอ่านและดู ก็ยิ่งพบว่า “ตรงกันข้ามกันสิ้นเชิง เพราะความสัมพันธ์นี้คือความสัมพันธ์ที่ไม่ผูกมัดกันและกัน คอยชั่วเหลือกันและกัน ให้กำลังใจกันและกัน เอาใจใส่ต่อกัน และเข้าใจซึ่งกันและกัน” ดังนั้น หากใครคิดจะซื้อเล่มนี้ เราขอแนะนำเลยค่ะ เพราะเล่มนี้ควรซื้อมาอ่าน คุ้มค่าจริงๆค่ะ
LOOK A BREATHE
No Comments