สรุปดรามาเดือด!! “หมอ-เภสัชฯ” แพทยสภาขอเพิกถอนสิทธิ ‘บัตรทอง’ รับยาไม่ผ่านหมอ#สรยุทธสุทัศนะจินดา #กรรมกรข่าวคุยนอกจอ #คุยนอกจอ #รัฐบาล #การเมือง #อนุทิน#ชัยธวัช #ช่อ#พิธา#เท้ง#อุ๊งอิ๊ง#ทักษิณ#แพทยสภา#สปสช.#บัตรทอง#รับยา#โรคไม่ร้ายแรง
สรุปดรามาเดือด!! “หมอ-เภสัชฯ” แพทยสภาขอเพิกถอนสิทธิ ‘บัตรทอง’ รับยาไม่ผ่านหมอ
สรุปดรามาเดือด!! “หมอ-เภสัชฯ” แพทยสภาขอเพิกถอนสิทธิ ‘บัตรทอง’ รับยาไม่ผ่านหมอ#สรยุทธสุทัศนะจินดา #กรรมกรข่าวคุยนอกจอ #คุยนอกจอ #รัฐบาล #การเมือง #อนุทิน#ชัยธวัช #ช่อ#พิธา#เท้ง#อุ๊งอิ๊ง#ทักษิณ#แพทยสภา#สปสช.#บัตรทอง#รับยา#โรคไม่ร้ายแรง
50 Comments
ผมเห็นด้วยกับโครงการนี้นะ ลดภาระหมอ และลดค่าใช่จ่ายของผู้ป่วย จากการเดินทางและหยุดงาน
อีกอย่างเภสัชกรก็ไม่ใช่ทำการขายยาเพียงอย่างเดียว เขามีจรรยาบรรณมากพอที่จะบอกให้ไปปรึกษาหมอ
บางอาการไปโรงบาลเสียเวลาทั้งวัน ได้แค่ยาพารา เสียเวลาทุกฝ่าย
เภสัชเห็นเงินเป็นใหญ่ทที่ต่างชาติร้านเภสัชขายได้เฉพาะแก้ปวดยาทเท่านัั้น
แพทย์สภาหรือวินปากซอย…ห้ามผู้โดยสารเรียกคนอื่น
เอ้า Prescription เมืองนอกมีมานานละนี่นา 😂
อย่างนี้ไม่ต้องมีโรงพยาบาลแล้วชิเภสัชสก็พ่อมั่วไปใหญ่
การวินิจฉัยของหมอรอบแรกมักจะสงสัยโรคที่ง่ายที่สุดแล้วจ่ายยามากินแล้วนัดไปใหม่ถ้าไม่หายก็วินิจฉัยโรคต่อไป ซึ่งไม่ต่างกับการไปรับยาเองเลย ถ้ารับยาตามคำแนะนำของเภสัชแล้วไม่หายก็ค่อยไปหาหมอพร้อมแจ้งว่าเรากินยาโรคนี้แล้วไม่หายหมอได้ตัดเรื่องโรคทั่วไปออกแล้ววินิจฉัยโรคต่อไปได้เลย ถ้าสรุปง่ายๆก็แบ่งขั้นตอนแรกมาให้เภสัชทำนั่นแหละ
ส่วนใครที่มีอาการของโรคเกินความเข้าใจของเภสัชเดี๋ยวเขาก็แนะให้คนไข้มาตรวจรักษาที่โรงพยาบาลเองแหละ
โครงการนี้จุดประสงค์คือลดความแออัดในโรงพยาบาลอันนี้ไม่ถูกต้อง แทนที่รู้ว่าแออัดทำไมไม่เพิ่มจำนวนโรงพยาบาลให้มากขึ้น หรือเพิ่มบุคลากรในระบบให้เยอะขึ้น หรือขยายขนาดโรงพยาบาล ไปหาหมอโรงพยาบาลก็เห็นทุกที หมอมี 3-4 คน คนไข้รอหมอ คิวยาว 300-400 คน ยิ่งถ้าป่วยตอนกลางคืนนี่จบเลย ต้องรอหมอเฉพาะทางมาตรวจอาการตอนเช้า คนจบหมอกับพยาบาล ปีๆนึงตั้งหลายพันคน เขาหายไปไหนกันหมด หรือว่าเงินเดือนน้อยแต่งานเยอะเลยหันไปทำอาชีพอย่างอื่นแทน
งานนี้ ชาวบ้านเทใจให้เภสัช เพราะเบื่อการไปร.พ.รัฐ
กลัวขาดรายได้หรือเปล่า
เห็นด้วย ร้านยาที่มีเภสัชกรปฏิบัติงาน เขาจ่ายยาให้ประชาชนอยุ่ปกติแล้ว กลัวทำไมกัน หรือว่ากลัวคนไม่ไปหาหมอที่คลินิกหมอ
คนไทยเคยตัว แวะเข้าร้านยาง่าย บางที่เภสัชจ่ายยามั่วๆก็มี กว่าจะมาถึงหมออาการหนักมาก
เอาแบบต่างประเทศไปเลยกล้ามั้ยละ ทั้ง2ฝั่งแหละ หมอสั่งยาแต่ห้ามจ่ายยา เภสัชห้ามขายยาถ้าไม่มีใบสั่งแพทย์ เอามั้ยหล่ะ ผมว่าคนที่จะร้องคือร้ายขายยานั่นแหละ
Delayed diagnosis l, Delayed treatment คนไข้เคยฟ้องเภสัชมั้ยละ ฟ้องแต่หมอไง วันหลังให้คนไข้ฟ้องเภสัชบ้างนะถ้ามาหาหมอช้า มั่วแต่ไปซื้อยาร้านยากินเอง
แค่การเจ้บป่วยเบื้องต้น เภสัช จ่ายได้ตามกฏหมาย เภสัชเรียน6ปีเท่าหมอ หรือจะเอาค่าแพทย์500฿ไม่รวมยา😂😂 ถ้าเกินเภสัชวินิจฉัยเภสัชก็ทำหนังสือส่งต่อโรงบาลอยุ่แล้ว ตลกแพทย์กลัวเสียผลประโยชน์
ไป รพ.รัฐแต่ละครั้ง ลางานครึ่งวันอาจไม่พอ รอหมอครึ่งวัน ตรวจไม่ถึงห้านาทีแล้วไปรอรับยาอีกครึ่งวัน
หมอนี่ว่างหรอวะ เห็นบ่นๆว่างานเยอะคนไข้เยอะไม่ใช่หรอวะ ว่างขนาดมากวนตีนคนป่วยกับเภสัชเลยอ่อ
ทุกฝ่ายต่างก็อ้างว่าทำเพื่อประโชน์ของประชาชน มีเหตุผลทั้งด้านบวก และด้านลด้วยกันทุกฝ่าย ผมใฯฐ,านะที่เป็นผู้ป่วยเห็นความขัดแย้งกันระหว่าแพทย์และเภสัชกรเล็กมาตอลดช่วงเวลารับราชการอยู่ใน รพ.ของรัฐช่วง ปีงบประมาณ 2536 – 2565 คือ แทย์สังให้กินยาอย่างนึ่ง แต่ใบปะหน้าซองยาออกมาจากลุ่มงานเภัชกรรม ออกมาเป็นคนละเวลาบอกกับผู้ป่วย ผมคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่แพทย์เขียนไม่ตรงกับที่บอกผม หรือแพทย์กับเภสัชกร ณ ห้องจ่ายยาผู้ป่วยนอกมีความเห็นไม่ตรงกันแล้วใช้ดุลพินิจเปลี่ยเวลารับประทานยาตามหลัการวิชาชีพของตนเอง โดยที่ไม่ได้ปรึกษากันก่อนอย่างไรหรือไม่ และเห็นว่าการที่แพทยสภายื่นต่อศาลนั้น มีเหตุผลน่ารับไว้พิจารณาอยู่บ้าง แต่ศาลมีความรู้เรื่องยาและการรักษาผู้ป่วยอย่างไรหรือไม่ แต่ที่แน่ๆเวลาไปพบแพทย์ที่ตลินิกส่วนตัว ยาที่ได้รัมานั้นน้อยนักที่จะระบุชื่อยาทั้งชื่อสามัญทางยาและหรือชื่อทางการค้าและไม่ด้ระบุว่ารักษาอาการอะไร พอถามชื่อยา คนจ่ายยาจะแสดงความไม่พอใจเป็นเรื่องจริงครับ อีกประเด็นหนึ่งแพทย์ที่จบใหม่รวใทังแพทย์ชำนาญการ และชำนาญการพิเศษบางคน เคร่งครัดต่อระบบการควบคุมการใช้ยาจากรมบัญชีกลาง และนโยบายจากกระทรวงสาธารณะสุข ถ้าเป็นโรคอะไรมาแทบไม่ได้ดูประวัติการเจ็บป่วยเดิมของผู้ป่วยให้และพิจาณาดีเสียก่อนจึงค่อยสั่งยา แต่กลับเป็นการจ่ายยาที่ราคาที่ต่ำมี่สุดแที่ผู้ป้่วยไม่มีอาการแพ้ยาหรือไม่มีประวัติแพ้ยา ในการเริ่มต้นรักษาใหม่แทบทุกครั้งจนหมดยารักษาไม่หายสัก 2 – 3 รอบขึ้นไปจึงพิจารณาจ่ายยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ นั่นคือผู้ป่วยรายเ้ดียวกันต้องหลับไปตรวจรักษากับแพทย์อย่างน้อย 3 – 4 รอบขึ้นไป เป้นการเพิ่มจำนวนผู้ป่วยนอกโดยไม่จำเป็น เป็นการจ่ายยาที่ไม่ได้คำนึงอาการปและประวัติการักษาของผู้ป่วยทำให้ผู้ป่วยต้องเดินทางไปรักษาและรับบยหลายครั้งโดยที่ไม่ได้เกิดผลดีเท่าที่ควร เป้นการเพิ่มภารหใ้กัฐผู้ป่วยและ/หรือญาติผู้ป่วย ภารของผุ้ช่วยเหลือผู้ป่วย พยาบาล แพทย์และเภสัชกร อีกทั้งหลัการยกเลิกการจ่ายที่เคยมีความยืดหยุ่น แต่กลับเคร่งครัดในการต้องรับยาใยวันเดียวกับวันที่ตรวจเท่านั้น ถ้ารับยาไม่ทันในวันนั้นตอ้งเริ่มมาตรวจใหม่ และเริ่มจัดยาใหม่อีก สร้าความเดือร้อนให้แก่ประชชนผู้เจ็บป่วย สร้างภาระงานเพิ่มให้กับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลรัฐโดยไม่จำเป็นเช่นกัน หากจะพิจารณาด้วยความรอบคอบมากกว่า เน้นลดค่าใช้จ่ายเฉพาะหน้าแต่ละครั้งแบบไม่รู้ถึงผลกระทบที่แท้จริงของผู้กำนดนโยบายจากกระทรวงการคลัง ทำให้ระบการตวจรักษาผู้ป่วยหมุนวนเสียนในระบบเพิ่มขึึ้นโดยไม่จำเป็น ถ้าการตรวจรักษาที่มีประสิทธิภาพ ก้น่าจะลดจำนวนผู้ป่วยลงได้ ผมจึงไม่ค่อยเห็นด้วยว่าการเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆก็ต้องแพทย์ทุกครั้ง ต้องประหยัดในคร้งแรกๆของผู้ป่วยทุคนโดยฌพษะคนที่รักษาซ้ำโรคเดิมๆ อาการเดิมๆมายาวนานหลายปีหรือหลายสิบปี ไม่ว่าจะใช้สิทธิ์การักษาพยาบาลใดๆก็ตามที ครับ
เอาตามความสมัครใจไปเลย ใครอยากไปหาเภสัชก็ไปร้านยา ใครอยากหาหมอก็ไปรพ. ไปคลินิค ไม่ต้องบังคับ แค่นั่นแหละ
ไม่ใช่เภสัชทุกคนจะวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ และไม่ใช่แพทย์ทุกคนจะเชี่ยวชาญการใช้ยา
แต่ข้อได้เปรียบของการไปรพ. คือ ถ้าผู้ป่วยไม่แน่ใจ เป็นกังวล สามารถขอแพทย์ตรวจเพิ่มได้ทันที จะเอกซเรย หรือ MRI หรืออื่นๆ ว่าไป
อย่าไปเลียนแบบเมืองนอกมากนัก เด่วจะต้องรอคิว2ปีเพื่อพบหมอ อะไรอะไรก็หมอทุกอย่าง บางคนเป็นแผลกดทับแต่พยาบาลทำแผลเองทันทีไม่ได้ถ้าไม่มีใบสั่งจากหมอ ตายๆกว่าจะได้ทำแผล เภสัชพยาบาลเขามีความสามารถพอๆกับหมอนั่นแหละ
ถามหมอหน่อย หาหมอรอนานกี่ชั่วโมงครับ ยิ่งป่วยออกอาการน้อย ยิ่งรอโคตรนาน ถ้าไม่มีโครงการนี้ เค้าก็ไปซื้อเองอยู่ดี แล้วอีกมุมใครเป็นคนเซ็นเลือกยาที่จะใช้ใน รพ ครับ
แพทยสภา เกิดความอิจฉาตาร้อนเท่านั้น ไม่มีอะไรหรอก
ถ้าห่วงจริงกลัวประชาชนจะเข้าขั้นป่วยรุนแรง ก็สั่งปิดร้านขายยาทั่วประเทศสิ เพราะประชาชนไปซื้อยาตามร้านขายยา เภสัช ก็เป็นคนจ่ายยา
ซึ่งมันไม่ปลอดภัยของผู้ป่วยนี่ แพทยสภา ต้องไปฟ้องศาลให้ศาลสั่งปิดร้านขายยาทั่วประเทศครับ ถ้าแพทยสภาเป็นห่วงประชาชนจริงๆ
สังคมไทยไป รพ ใช้เวลา 1 วัน รบกวน ญาติพี่น้อง ส่วนใหญ่ไปร้านยา ซื้อยากิน ปัจจุบันร้านยามีเภสัช ทำให้คุณภาพดีขึ้น หากเขาตั้งใจทำงานและมีผลงาน ประชาชนจะเป็น ผู้ตัดสินใจทางเลือกนี้ว่าจะใช้ต่อหรือไม่
คนไข้อาการหนักหนักผมก็เห็นเภสัชแนะนำให้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลนะครับเค้าไม่กล้าวินิจฉัยหรอกถ้าหากยังความสงสัยไม่ชัดเจนเพราะต้องอาศัยผลแล็บยืนยันอาการ
คนไข้อาการหนักหนักผมก็เห็นเภสัชแนะนำให้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลนะครับเค้าไม่กล้าวินิจฉัยหรอกถ้าหากยังความสงสัยไม่ชัดเจนเพราะต้องอาศัยผลแล็บยืนยันอาการ
ขอเรื่องคลีนิกแมวด้วย โคตรแพง
เมื่อไหร่เภสัช จะเลิกจ่ายยาให้สัตว์เอง 😮💨😮💨😮💨
เคยใช้บริการรับยาจากโครงการร้านยาชุมชนอบอุ่น 2 ครั้ง คุณเภสัช สอบถามอาการละเอียดมาก อธิบายยาละเอียดมาก ฉลากยามีคำอธิบายละเอียด มีโทรมา follow up ด้วย และบอกว่าถ้าไม่หายให้ไปหาหมอที่ รพ รู้สึกประทับใจ ถ้าไม่มีบริการนี้ เราคงปล่อยไปไม่รักษา เพราะต้องไปหาที่คลินิกปฐมภูมิที่คนเยอะมาก
ผมเพิ่งไปใช้สิทธิ์มาเมื่อวานนี้เองครับ เภสัชให้ข้อมูลดีมาก ประหยัดเวลาด้วย ยาที่ให้มาก็ดีนะ แถมบอกว่ากิน4วันไม่หายมาอีกนะ ดีมากครับ
ก็หาหมอที่เสียเวลาก็วันนึงอ่ะถ้าได้ลาวันเดียวก็ไม่ได้พักผ่อน
เภสัชกร มีจรรยาบรรณ มีการเรียนรู้ อบรมไม่ต่างจากแพทย์ ร้านยาที่เข้าโครงการเขามีการอบรมจนผ่านเกณฑ์ …และคำว่า เจ็บป่วยเล็กน้อย เขาคัดกรองได้ ไม่ได้โง่นะคะ เขาไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงอยู่แล้วถ้าคนไข้เกินกำลังในการดูแล😂😂😂
โครงการนี้ดีนะคะไห้มีต่อเถอะมีประโยชน์กับคนแก่มาก
หวงชามข้าว
คลินิกพยาบาลก็เข้าร่วมโครงการเบิกสปสช.ได้นี่นา ทำไมมีปัญหาแต่ร้านขายยา งงนะ
แพทยสภาพูดเหมือนดูดี แต่หลายๆ กรณี ที่ไปพบแพทย์ แต่ก็ไม่ได้วินิจฉัยอย่างดี จ่ายยามาแบบลวกๆ แล้วให้กลับบ้าน ไปดูอาการทั้งๆที่รอคิวมาเป็นวันๆ จะต่างอะไรกลับไปรับยาที่ ร้านยา สรุปเลย แพทย์สภาควรจะใจกว้าง ให้ทางเลือกกับประชาชนในการเลือก ที่จะรับยาเบื้องต้นที่ไหนในการเจ็บป่วยเล็กน้อย
เชื่อมั่นเภสัชในการจ่ายยามากกว่า เพราะว่าเป็นวิชาชีพที่มีคุณภาพ
ที่เมกา คลีนิคไม่จ่ายยา แต่มีใบสั่งยาให้ลูกค้าไปรับและจ่ายกับร้านเภสัชที่ลูกค้าระบุให้ออกในใบสั่งยา(คือยาบางชนิดต้องมีใบสั่งยาจากหมอเท่านั้นจึงจะซื้อได้ ดังนั้นลูกค้าไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป)
คือเอาจริงๆบางทีอาการไหนควรไปหาหมอบางทีคนไข้ก็ไม่รู้ค่ะ พ่อมาร้านคนไข้ก็บ่นแล้วก็เล่าให้ฟัง นั่นแหละค่ะเราถึงจะประเมินอาการให้ได้ว่าเขาควรจะกินยาต่อหรือว่าจะไปโรงพยาบาล
หมอเดี๋ยวนี้หิวเงิน กลัวเสียรายได้
แต่วิธีนี้แก้ปัญหางานล้นมือหมอได้จริงหรอครับ เพราะที่ผ่านมาถ้ามีอาการเล็กน้อย คนไข้กลุ่มนี้ก็ไม่อยากไปหาหมออยู่แล้ว ส่วนใหญ่ก็ไปซื้อยากับเภสัชทานเอง ก็ไม่เห็นงานล้นมือหมอจะแก้ได้ละครับ
ไม่ต้องทะเลาะกัน แย่งกัน หรือเกี่ยงกัน เรื่องสำคัญควรไปจัดการพวกต่างด้าวที่เต็มทุก รพ. คนไทยจะกลายเป็นประขาชนชั้นสองไปแล้ว เบื่อไป รพ.ก็ต้องหาวิธีโน้นนี้ พวกต่างด้าวไม่เห็นมันจะไปหาวิธีอื่นบ้างเลย นั่งรอกันเต็ม รพ. ภาษีคนไทย shipหายไปกับพวกต่างด้าวทุกด้าน
การที่ออกมาถกคุยกันแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เอาออกมาคุยกัน ให้ปชช ได้รับฟัง ทั้งหมดทั้งมวลอยากให้สภาวิชาชีพลองรับฟังเสียงปัญหาจริงจากปชช เริ่มง่ายๆจากการลองมาอ่านคอมเม้นท์
จัดการแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยและมารักษาตัวในประเทศไทยก่อนดีกว่าไหมครับว่าจะได้มีช่องว่างให้คนไทย
ไปซื้อยาร้านสะดวกซื้อ ต้องไปหาหมอก่อนไหม
ผมเคยไปทำงานก่อสร้างที่นครสวรรค์เกิดอาการเป็นไข้ชนิดที่หมดเรี่ยวหมดแรงเลยครับชาวบ้านเขาบอกให้ไปหาร้านขายยาเขาให้ยาแก้ไ้ข้มากินแต่ต้องฉีดกลูโคสเข้าตรงข้อพับแขนกลับมาอาการหายแบบปลิดทิ้งเลยครับเขาก็รักษากันแบบนี้แหละครับ
แพทย์ก็ไม่ควรออกใบสั่งยาค่ะ ออกแค่ใบตรวจโรคระบุโรคพอ ให้เภสัชที่เก่งเรื่องยากว่าแพทย์สั่งยาให้
อนามัยก็ควรต้องมีแพทย์ประจำ ตอนนี้มีแค่พยาบาลอยู่ สั่งยาเองหมด เราเจอยาที่กินแล้วเจ็บหน้าอก หายใจติดขัด หมออนามัยตอบมาแค่ว่าหยุดกิน แค่นั้น แม่งไม่ตรวจเพิ่ม สรุปตามบริบทแพทยสภา อนามัยไม่ควรซักประวัติ ตรวจโรค และจ่ายยาถูกไหมคะ
ถ้าเถียงกันไม่จบ ก็ใช้ระบบหมอตรวจแล้วเภสัชจ่ายยาไปเลย…
แพทยสภา❎
แพศยาสภา✅
ตามนั้นแหละ
สปสช. ทำให้เกิดปัษหา จากความเห็นของตัวเอง. ล่าสุดที่เสนอให้คนไข้ต่างด้าวได้สิมธิ30บาทเท่าคนไทย
เห็นความสมควรถูกฟ้องทั้งสภาเภสัชและสปสช.
ถ้าเป็นต่างประเทศ. การซื้อยาจากเภสัชกร. ต้องมีใบสั่งจากแพทย์
อันนี้รัฐผู้ออกเงินเอง. ส่งเสริมการใช้ยาโดยเภสัช. ง่ายๆ ความรู้เองยาดี
รู้โรคดี. ก้อเป็นหมอรักษาเองเสียเลยสิ
มีความรู้ทั้งการใช้บา
และต่วจโรคขนาดนั้น
การใช้ยา ย่างสมเหตลคืออะไร
ถามก่อน. พื่อการเปฌนส่วนนึงของทีม.
ตามสปสช. ทุกอย่าง. ทำให้วุ่นวาย
เห็นมีหลายคนบอกเภสัชกร เก่งกว่าหมอ. ก้อให้ภสัชกร. รักษาเเองไปเลย
ต่อไปนี้. จบ.
ถ้ารัฐจ่ายเงินเอง
ประชาชนจะไม่ปลอดภัย
ก้อหมายถึงว่ารัฐ
ส่งเสริมให้คนใข้ยา
รักษาเบื้องต้นโดยการตรวจโดยเภสัช
และ เภสัช เรียนเองกาตรวจโรคเบื้องต้นรึเปล่า
เรื่องยาคุณรู้ดีทุกอย่างถูกต้อง
แต่เรื่องโรคและกาตรวจล่ะ
เมื่อใช้ยาไปแล้ว. โรคจะเป็นอย่างไร
เห็นด้วยกับแพทยสภา. ฟ้องสปสช.ไปเลย มันผิดกฏหมายและไม่ส่งเสริมสนับสนุนสิทธิขั้นพื้นฐานในการได้รับการตรวจโดยแพทย์. สปสช.คือNGO
แล้วเภสัช ชายย่ารวยเกินจริงไปเท่าไหร่ เภสัช1คนมีร้านยากี่ร้าน. คนไทยใข้ยาแพงเท่าไหร่
มือไม่พายเอาหัวราน้ำนะ ถ้าแพทสภาซัพพอทประชาชนได้โครงการนี้ก็ไม่จำเป็นแล้ว
สภาเภสัชกรรม เขาไม่ได้กำหนดเกณฑ์นี้ โดยพลการ แต่มันเกิดจาการทำงานร่วมกัน ซึ่งในนั้นมีผู้แทนแพทย์ด้วย ทำไม แพทย์สภา จึงเพิ่งมาตื่นแบบนี้จนถึงไปฟ้องศาลปกครอง เพียงเพราะแพทย์บางคนอีโก้สูง มองว่าเป็นการก้าวล่วงวิชาชีพ โดยไม่เอา ปชช.เป็นศูนย์กลางของปัญหา ในด้านสุขภาพ ไม่มีใครเก่งกว่าใครหรอกครับ ในแง่ของ ปชช. การไปนั่งรอ ตั้งแต่หัวรุ่ง เพื่อเจอหมอ สิบห้านาที ไม่ถูกต้อง อย่างที่ เภสัชกร(ที่เรียน 6 ปี เหมือนกัน ) บอก ถ้ามีอาการ ต่อเนื่อง เขาจะส่งต่ออยู่แล้ว หรือเขาจะซักประวัติ ก่อนจ่ายยา บอกตรงๆ แพทย์สภา over-react ไปกวาดบ้านตัวเองตามคลินิค ดีกว่า แพทย์สภาถอนฟ้องเถอะ อย่าทำให้ตัวเองอับอายกว่านี้เลย