ใครว่าการเป็นคนเก่งเหมือนอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, เซอร์ไอแซ็ค นิวตัน และอัจฉริยะคนอื่นๆ อีกมากมายบนโลกนี้… เป็นเรื่องยาก ขอเถียงขาดใจ
เพราะจริงๆ แล้ว ก่อนที่พวกเขาเหล่านี้จะกลายมาเป็นสุดยอดจีเนียสที่คนทั้งโลกนับถือ เค้าเองก็เป็นคนธรรมดาอย่างเราๆ มาก่อนนี่แหละ เพียงแต่ด้วยความพยายาม ความตั้งใจ ความมุ่งมั่นในการเรียนรู้ มันได้นำพาพวกเขาไปสู่จุดสูงสุดของชีวิตได้นั่นเอง ดังนั้น คนธรรมดาอย่างเราๆ ถ้ามุ่งมั่นและตั้งใจที่จะขวนขวายพอ ก็เชื่อได้เลยว่าจะกลายเป็นอัจฉริยะได้ไม่ยาก อยากรู้ว่าจะเป็นได้ยังไง และควรเริ่มตรงไหน ตามมาดู How To คลิปนี้กันได้เลย มามุงกันว่า 5 เทคนิคในการเรียนรู้อย่างอัจฉริยะ ฝึกฝนจนเก่ง ให้ตัวเองเป็นเลิศ เค้าทำกันยังไงบ้าง
ติดตามชม How To ตอนใหม่และตอนอื่นๆ ได้ที่นี่ YouTube ช่อง Netflix Thailand
อย่าลืมกด Subscribe ติดกระดิ่งกันไว้ เพื่อไม่ให้หลุด How To ดีๆ
ติดตามความเคลื่อนไหวของ Netflix Thailand ได้สารพัดที่ช่องทางนี้:
Facebook: http://bit.ly/30E1HXV
Instagram: http://bit.ly/2Ht4r30
Twitter: http://bit.ly/2ZDqajb
#NetflixThailand #NetflixTH
#HowTo #NetflixHowTo
37 Comments
ชอบการเล่าเรื่องแนวนี้มากๆเลยคับแอด

1. สังเกตและวิเคราะห์ทุกอย่างรอบตัว
2. ไม่หยุดขวนขวายหาความรู้ใหม่ๆ
3. ผิดพลาดได้ แต่ต้องแก้ไขให้ดีขึ้น
4. ท่องให้ขึ้นใจ ทำอะไรต้องวางแผน
5. คิดให้ใหญ่ และไม่ล้มเลิก
อัจฉริยะคือผู้ที่ชอบสังเกต แล้วก็คิดวิเคราะห์ว่างั้นเถอะ

นิวตัน เป็นผู้คิดค้นแคลคูลัสตั้งแต่ยังไม่ 20
เป็นคนบุกเบิกกฎของแรงที่แม่ยำ ทฤษฎีทวินามของพีชคณิต
นิวตันเนี่ย ไม่ใช่คนธรรมดาที่แค่เจอแอปเปิลนะครับ
ผมเคยอยากจะเป็นอัจฉริยะผมชอบอันเบิดไอสไตน์พูดนักวิเคราะห์ธรณีวิทยาฟิสิกส์ระดับโลกผมไม่น่าเชื่อว่าเขาน่ะทำได้อย่างไรผมตั้งใจเดี๋ยวจะทำอยากจะเหมือนเขาผมชอบเขาอยากเอาสมองของเขามาแลกกับสมองผมเลยขอบคุณเก่งอะไรผมเนี่ยจะเก่งเหมือนอย่างเขาอย่างเช่นเขาเก่งเรื่องคณิตผมก็ทำคณิตพยายามอยู่ในขณะที่เพื่อนร่วมห้องของผมบอกว่าความจริงเนี่ยมึงควรจะปล่อยวางเรื่องพวกนี้บ้างหันมาสนใจอย่างอื่นบ้างอย่างเช่นการเล่นเกมการคุยกับเพื่อนไม่ใช่มุ่งมั่นกับสิ่งที่ทำอยู่นั่นคือคณิตศาสตร์ผมแต่แม่ของผมบอกว่าแล้วการที่ลูกอยากจะเป็นอัจฉริยะเนี่ยจะเป็นไปเพื่ออะไรผมยังหาคำตอบไม่ได้เลยว่าผมนั้นจะเป็นไปเพื่ออะไรแต่ด้วยความที่ภาคภูมิใจอยากเป็นเหมือนไอสไตน์แต่คิดว่าชีวิตคนเราเนี่ยมันเจอถึงจุดนั้นมันก็คงลำบาก จนกระทั่งผมอาจได้มาหาใน googleถามคำถามใน googleแล้วก็กดเข้ามาดูใน YouTube จึงทำให้ผมได้ให้คำตอบว่าความจริงแล้วนั้นการที่จะเป็นอัจฉริยะได้ก็คือคนปกติอย่างพวกเราสามารถเป็นอัจฉริยะได้โดยไม่เหมือนเป๊ะแบบไอน์สไตน์โดยไอน์สไตน์นั้นเขาเป็นโรคออทิสติกซึ่งมีปัญหาในการอ่านภาษาอังกฤษแต่เก่งในเรื่องคณิตศาสตร์เราไม่ต้องเป็นเหมือนบุคคลดังๆที่อัจฉริยะหรอกเราสามารถทำได้โดยสิ่งรอบๆตัวโดยการแค่หัดสังเกตหัดตั้งคำถามหัดศึกษา แค่เนี้ยทำได้ไหม………..ถ้าทำได้แปลว่าทุกคนที่อ่านอยู่ก็คืออัจฉริยะ
คนเรามีพรสวรรค์ทุกคนครับ แค่แตกต่างกัน โดยจำแนกเป็นประเภทเป็นข้อที่ไม่เหมื่อนกัน มันขึ้นอยู่กับบุคคลนั้นๆใด้นำมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและส่วนรวมต่างๆ แต่กระนั้นก็ต้องถูกยอมรับจากคนอื่นๆด้วยครับ ถ้าไม่ถูกยอมรับ สังคมรอบตัวจะมองว่า"บ้า"ทันที แต่ถ้าถูกยอมรับสังคมรอบตัวจะมองว่า "อัจฉริยะ"
ขอบคุณครับ
มีเรื่องอะไรบ้างครับ
ขอบคุณมากค่ะจาก Cambodia
Like
เรื่องพวกนี้ถึงฝึกแค่ไหนก็เป็นไม่ได้หรอกนะครับ มันเป็นลักษณะที่มีมาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว เรื่องการคิด กระบวนการจัดระเบียบต่างๆในสมอง
เยี่ยมมากเลย
เรื่องจริงกับในหนังมันต่างกันครับจะบอกไว้ให้ในหนังหล่อเท่สาวๆมาเต็มเเต่เรื่องจริงมีตังก็มี…ได้ครับไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอกครับ 555+ ชีวิตจริงไม่ใช้พระเอกใน TV
เป็นแบบอย่าง ที่ ดี มั่ง55555
ผมต้องขอบคุณศาตรจารย์มากๆครับ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมได้คิดเกมส์เพื่อเอาตัวรองชิงเงินรางวัลมาได้ คุณคือผู้จุดประกาย
ผมอยู่กับหนังสือเป็นพันเล่ม แต่ไม่อ่านหนังสือครับ ผมดูภาพเอา มันช่างงดงามเย้ายวนซะเหลือเกิน
ตามความคิดผมอฉิจริยะไม่มีอยู่จริงหรอกครับมีเเต่ความพยายามเเละวิธีการมากกว่าครับ อย่าอ้างเลยครับว่าตัวเองเป็นเเค่คนธรรมดาเพราะยังไงทุกคนก็คือคนครับ
จริงดิ
ทุกคนสามารถ เป็นอัจริยะได้ ถ้าเรารู้กลไกลของสังคม เเล้วคิดบวกมั่นใจ เพราะมนุษย์ทุกคนคือพี่น้องกัน
ขอบคุณมากค่ะ อย่างน้อยวันนี้ กระตุ้นตัวเองให้รู้สึกดีอีกครั้งค่ะ
ทุกคนมีความฉลาดคนละด้าน
Netflixสิของจริงสร้างความรู้ให้เข้าไปดูหนัง ยอมรับคนคิดเลยครับ
ฟังแล้วมีไฟเลยครับ แต่ขอไปอาบน้ำก่อน
อยู่กับคนน่าเบื่อ เลยมีแต่เรื่องน่าเบื่อ
บริการกินแมวนะคะ ติดต่อได้ค่ะ
ติดต่อกินแมวค่ะ
เซอร์ไอแซก นิวตัน ไม่ใช่แค่ชายธรรมดาที่ค้นพบกฎแรงโน้มถ่วง เขายังเป็นเจ้าของทฤษฎีแคลคูลัสด้วย ซึ่งสร้างความปวดหัวเล็กน้อยให้กับผู้เรียนวิศวะอยู่พอสมควร
ปัญหาหนักสุดประเทศไทยคือ ความปลิ้นปล้อน หนักกว่านั้น คือ ศาสนาที่ ทำให้โครงสร้างความเป็นจริง. มันบิดเบี้ยว ทุกอย่างจึงดำเนินไปอย่างบิดเบี้ยว บางคนพูดได้ดี ว่า ประเทศไทย มีทุกอย่าง ยกเว้นความจริง.
บทสรุปสั้น แค่ที่ผ่านมา ไม่มีใครกล้าแตะไอ้พระพุทธเจ้า หัวครวยนั่น.( ตรัสรู้ รู้ทุกอย่าง รู้. ปลาอานนท์ ทำแผ่นดินไหว เรื่องในโลก แม่ง..ยังผิด แล้วจะไปรู้อะไรกับสวรรค์นรก
ในฐานะที่ผมไม่ชอบ. คนหลอกลวง. แม่งง…ไม่น่าตายห่าเรียกเท่ปรินิพพานน่าจะอยู่จนถึงวันนี้. วันนี้ ให้ผมตบกบาล ประเคนแข้ง ไล่เตะ!!ฐานหลอกลวง ไอ่เหี้ยอย่างกะ18มงกุฎ.ไอ่เยแม่ง.ไอ้สัดว์. ) ต้นแบบมันปลอม. ลวงโลก หลอกลวง. สร้างภาพ เจ้ายศเจ้าอย่าง เวิ่นเว้อ พิธีเยอะ ที่ง่ายกลายยากแสนเข็ญ. ต้นแบบมันเป็นงั้น ปลายแบบเลยไม่ต่างกัน ไปไหว้กราบ18มงกุฏ เลยอยู่ในวังวนของความปลิ้นปล้อน อย่างที่เห็น
ขอบคุณสำหรับคลิปดีๆแบบนี้ครับ ช่วยสร้างพาว์เวอร์ให้ผมอย่างมากเลยครับ
สอนเด็กไทย ต่อไปชาติพันธุ์นี้ไม่หนีไปไหน
เชื่อโยง
ผมมองว่าทั้งหมดในคลิปที่ว่ามามันคือ พรแสวง แต่อัจฉริยะนั้นคือ พรสวรรค์ มันเหมือน สีผิว ความสูง ความหล่อ ความสวย ที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด ถามว่าวัดจากอะไร ความอัจฉริยะ นั้นวัดได้จาก ความเร็วในการทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ หรือพูดบ้านๆ ง่ายๆ ว่า หัวดีนั่นเอง เช่น ตอนเด็กๆ เคยมั้ย เวลาครูสอนบวกเลข 2 หลัก แต่จะมีอยู่หนึ่งคน(หรือมากกว่านั้น) ที่อาจจะบวกเลข 3 หลัก หรือ 4 หลักไปแล้ว หรือบางคนที่จำศัพท์ภาษาอังกฤษได้มากกว่าเพื่อนร่วมชั้น หรือบางคนวาดภาพได้สวย โดดเด่นกว่าคนอื่นๆ ในห้อง ด้วยโจทย์เดียวกันที่ครูให้ ที่จะบอกก็คือว่า เมื่ออยู่ภายใต้ข้อจำกัดเดียวกัน อัจฉริยะคือคนที่โดดเด่นขึ้นมา (มากๆ) จากคนอื่น ซึ่งตรงนี้ก็จะมีแบ่งไปอีกว่าเป็น อัจฉริยะแท้หรือเทียม อันนี้ค่อยว่ากัน แต่สิ่งที่น่าสังเกต คือ ทำไมเวลาพูดถึงอัจฉริยะ เราจะต้องนึกถึงคนที่เก่งคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ แค่นั้น อันที่จริงทุกๆ ด้านสามารถมีอัจฉริยะได้หมด ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณ ภาษา ศิลปะ กีฬา ฯลฯ แต่ที่การคำนวณมักจะนำมาวัดความเป็นอัจฉริยะ(เบื้องต้น) เพราะว่ามันเป็นศาสตร์ที่สามารถเชื่อมโยงและสัมพันธ์ได้ในตัวเอง ทำให้คิดต่อยอดได้ไกล เช่น เด็กบางคนที่เรียนรู้การคูณ อาจคิดต่อยอดได้ว่า ถ้าการคูณ คือ การบวกด้วยตัวเลขเดิมซ้ำๆ กัน n ครั้ง ก็ต้องมีการอะไรสักอย่างที่เป็นผลของการคูณกันจำนวน n ครั้ง ด้วย ซึ่งเราเรียกว่า การยกกำลัง (แน่นอนว่าสอนในระดับ ม.ต้น) แต่เด็กที่มองเห็นภาพนี้ก่อนอาจะเรียกได้ว่า มีวิสัยทัศน์ที่ดีกว่าคนอื่นๆ และอาจจะนำมาซึ่งการเป็นอัจฉริยะได้ ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่เกิดกับวิชาประวัติศาสตร์ที่ต่อให้ผมจะรู้ว่าอาณาจักรสุโขทัยตั้งอยู่ระหว่าง ราวๆ ปี พ.ศ. 1781 – 2117 แต่ผมไม่มีทางใช้การคาดการณ์แบบไหนเดาว่า ในเวลาเดียวกันนั้น ฝั่งยุโรปเป็นอย่างไรได้เลยถ้าผมไม่ได้เรียนประวัติศาสตร์โลก
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่บ้านเราไม่ค่อยเปิดโอกาสให้อัจฉริยะด้านอื่นได้แสดงศักยภาพ เช่น ภาษา ศิลปะ กีฬา ดนตรี ทุกคนที่โดดเด่นขึ้นมาเกิดจากความพยายามของตัวเองและผู้ปกครองทั้งนั้น (ตรงนี้ถ้าพูดยาวก็จะเข้าการเมืองอีก)
กลับมาที่ในคลิปที่บอกว่ามัน คือ พรแสวง ใช่ครับ ถ้าคุณมองดูคนในคลิปที่ยกตัวอย่างมา บิลเกตเอย มาร์คเอย ทุกคนเป็นอัจฉริยะรึเปล่าไม่แน่ใจ แต่ที่รู้คือ พวกเขามีพรแสวงต่อสิ่งที่ทำอย่างมาก และเดาได้ว่าที่พวกเขาทำมันได้ดีกว่าคนอื่นๆ จนกลายเป็นบุคคลระดับต้นๆ ของโลก ความเป็นอัจฉริยะย่อมมีผลแน่ๆ ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ได้เป็นอัจฉริยะในด้านใดด้านหนึ่ง การจะประสบความสำเร็จระดับนั้นต้องอาศัยทักษะด้านอื่นๆ อีกมาก และที่สำคัญ คุณจะต้องทำงานร่วมกับคนอื่นเป็นด้วย ซึ่งอัจฉริยะหลายคนตกม้าตายเพราะนึกว่าตัวเองเก่งเลยหวังพึ่งแค่ตัวเองคนเดียว ผมจะยกตัวอย่างคนที่เป็นอัจฉริยะแล้วรอดกับร่วงให้ดู คนที่รอด คือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เล่าย่อๆ ไอน์สไตน์ได้รับเข็มทิศตอนอายุ 5 ขวบ (ถ้าจำผิดขออภัย) ถ้าเป็นเด็กทั่วไป อาจจะได้มาแล้วก็โยนทิ้งไป แต่ไอน์สไตน์พอได้ปุ๊บ ความอัจฉริยะทำให้เขาตั้งคำถามว่า การที่เข็มสามารถชี้ไปทางทิศเหนือได้แสดงว่าต้องมีแรงมากระทำต่อมัน ซึ่งก็คือ แรงของสนามแม่เหล็กโลกนั่นเอง นี่จึงพอบอกได้ว่าเขามีความเป็นอัจฉริยะอยู่ลึกๆ ซึ่งก็มีผลทำให้เขาตั้งคำถามจนค้นพบทฤษฏีสัมพัทธภาพพิเศษและทั่วไป และก็ต้องบอกอีกว่าสองทฤษฏีนี้ไม่ได้ใช้ความอัฉริยะอย่างเดียวจึงจะสำเร็จ ถ้าใครเคยรู้ประวัติ ไอน์สไตน์ต้องพึ่งคนอื่นๆ อีกมากมายกว่าที่ทฤษฏีนี้จะสำเร็จและต้องใช้คนอีกมากกว่าจะออกสู่สาธารณะ ไม่มีทางที่เขาจะทำคนเดียยว คิดคนเดียว แล้วจะสำเร็จโด่งดังได้ มันจึงไม่ใช่เรื่องของพรสวรรค์อย่างเดียวแล้ว เขาจะต้องใช้พรแสวงในการดึงคนเข้ามาช่วยงาน (ต่อ)
omg ดีมาก
ดูเหมือนคุณเองก็จะได้รับการฝึกฝนจากคนที่ค่อนข้างเก่งใช่ไหมล่ะ?
เราคิดว่าไอพวกบอกว่าเป็นไปไม่ได้ มัน….น่าจะไม่ค่อยมีความพยายาม พอผิดเเล้วเลิก เเต่ถ้าคุณมีความฝันคุณต้องลุกขึ้นมาทำอย่ามองเเต่อนาคตมองเเต่ตอนนี้ว่าเราต้องพยายามให้ดีที่สุดถึงเเม้ไม่ใช่อัจฉริยะเเต่ถ้าพยายามเเล้วอดทนมากพอคุณก็สามารถเปลี่ยนโลกได้ค่ะ อัฉริยะมีหลายเเบบนะค่ะ ความถนัดความตั้งใตคนละด้าน ค่ะ ถ้าคุณท้อเเต่ถ้าคุณมีความฝันก็ต้องพยายามถ้าคิดว่าเเพ้เเล้วให้เอาข้อที่เเพ้มาปรับปรุงเเล้วทำมันต่อให้ดีที่สุด ถ้าเหนื่อยก็พักเเต่หายเหนื่อยเเล้วก็สู้ต่อไปให้ดีที่สุดนะค่ะ
เพราะสมัยนี้คุณอยากรู้อะไรคุณก็หาที่อินเตอร์เน็ต ไม่ยากค่ะ
22.5.2024
ผมเป็นเด็กต้องศึกษาจากผู้ที่เก่งผู้ที่มีความรู้ที่มากกว่าถึงเด็กกว่าผมถ้ารู้เยอะผมก็ต้องศึกษาหรือรุ่นเดียวกันกับผมเค้ารู้เยอะผมก็ต้องศึกษากับคนที่มีความรู้คับ
คนเขามักจะมองว่าเราเป็นบ้า55