๐๖ เปิดธรรมที่ถูกปิด อานาปานสติ เสียงอ่านหนังสือพุทธวจน

23 พฤษภาคม 2561



เปิดธรรมที่ถูกปิด พุทธวจน อมตะธรรม คำตถาคต
ไพเราะในเบื้องต้น ไพเราะในท่ามกลาง ไพเราะในที่สุด
ศรัทธาอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

30 Comments

  • @ນາງບຸນທັນທິດພະຈັນ 18 กรกฎาคม 2567 at 18:05:03

    ຟັງຕະຫລອດເຮັດໃຫ້ໃຈນີ່ງຢູ່ກັບກາຍສາທຸສາທຸສາທຸ

  • @jakrawutthongkong2202 29 กรกฎาคม 2567 at 10:13:24

    สาธุครับ

  • @nononline5327 5 สิงหาคม 2567 at 05:37:37
  • @Rangsimanprom13 11 สิงหาคม 2567 at 10:08:02

    ยินดีด้วยสาธุครับ

  • @Mr.koraweThimjoy-ph1id 14 สิงหาคม 2567 at 04:42:11

    บูชาดุจสรณะ​ คือพระรัตนตรัย​ สาธุๆๆ​ ครับ

  • @siwapronpantong1284 15 สิงหาคม 2567 at 09:29:58

    กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ

  • @Redmi9A-ou5mh 17 สิงหาคม 2567 at 20:54:34

    สาธุครับ🙏🙏🙏

  • @ณัทพลสุขพัฒน์ 17 สิงหาคม 2567 at 23:34:28

    สาธุ

  • @ณัทพลสุขพัฒน์ 18 สิงหาคม 2567 at 01:01:26

    กราบนอบน้อ มด้วยศรัทธาในพระตถาคตไม่หวั่นไหวพร้อมทั้งพระสาวกของพระสงฆ์พระอาจารย์คึกฤทธิ์โตถาคตพระอาจารย์คึกฤทธิ์โสตถิผโล่ที่มาสาธยายธรรมของพระคถคตถูกปิดไว้🎉

  • @diordior887 25 สิงหาคม 2567 at 14:32:10

    สาธุ

  • @รัชภรแก้วปลั่ง 1 กันยายน 2567 at 20:59:34

    น้อมกราบสาธุ ค่ะ

  • @วรรณีช่วยชูหนู 2 กันยายน 2567 at 18:52:28

    กราบสาธุค่ะ

  • @NuAnurakSukpanya 2 กันยายน 2567 at 19:55:06

    เราคือกษัตริย์แห่งวัฎสงสาร คือบิดาของทุกสรรพสิ่ง คือ ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเป็น"สัพพัญญู"ผู้รู้แจ้งแทงตลอด พระนามเรา "เมตไตรย" ราชวงศ "อาริยวงศ์" เป็นพระเจ้าจักรพรรดินิตยโพธิสัตว์ผู้มีกาลอันเที่ยงแท้แล้วในภัทรกัปนี้และเป็นพระยาธรรมิกราชผู้เป็นใหญ่กว่าธรรมทั้งหลายเป็นสัจจะแห่งตน เป็นปัจจัตตังแห่งตน เป็นสัจธรรมทั้งหลาย เป็นอกาลิโก ไม่เสื่อมไปตามกาล นี่คือ"พุทธวจน"แห่งเรา "เมตไตรย"

  • @krisakornkhemarathorn1196 6 กันยายน 2567 at 07:07:47

    ธรรมไดก็ไร้ค่าถไม่ทำ ฟังแล้วนำไปปฏิบัติตามจึงจะเกิดผล สาธุ

  • @สุนันท์จันทะวิชัย 13 กันยายน 2567 at 20:24:12

    ืสาธุ สาธุ สาธุค่ะ
    พึ่งตน พึ่งธรรมพุทธวจน

  • @NuAnurakSukpanya 20 กันยายน 2567 at 00:21:25

    โอวาทธรรมแห่งเรา. เรากล่าวว่า. ภิกขุ. เรือหรือธรรมวินัยที่เป็นเครื่องอยู่เครืองอาศัยปรียบเสมือนหนังสือที่อ่านจบ จนรู้จบอย่างบริบูรณ์แล้ว. ไม่มีสงสัยในหน้าต่อไปแล้ว. เราจึงวางหนังสือเล่มนั้นลงเสียได้
    อรรถและพยัญชนะอันเป็นธรรมนิยามแห่งรูปนามขันธ์5ทั้งหลายก็เช่นกัน. ฉันใดก็ฉันนั้น

    เราจึงกล่าวว่า…"ธรรมทั้งหลายไม่ควรยึดมั่นถือมั่น".กระทำให้แจ้งซึ่งความไม่มีนั้นเถิด….
    "เมื่อสิ้นสงสัย…จึงแจ้งซึ่งความดับ. สิ่งที่ควรกระทำอย่างนี้ในศาสนานี้ไม่มีอีกแล้ว…
    …….จึงจะถือว่าแจ้งซึ่งปัจจัตตังแห่งตน…จึงได้สัจจะแห่งตน และสัจจะธรรมทั้งหลาย

    เรากล่าวว่า ".ภิกขุในธรรมวินัยนี้ เธอจงกระทำกิจแห่งตนให้แจ้งซึ่ง" สัจจะแห่งตน"
    เมื่อแจ้งซึ่งสัจจะแห่งแล้ว..เธอจงนำธรรมวินัยเหล่านี้ทั้งหลาย ไปบอกเล่าป่าวประกาศ อัน"อรรถและพชัญชนะ"ที่เป็นพุทวจนแห่งตถาคต. และผลแห่งตนในทิฐธรรมแห่งตนนั้นๆให้แก่หมู่สัตว์ทั้งหลายสืบไป

    จงเสพคบในอิทัปปัจยตาอันเป็นหัวใจของปฏิจสมุปนธรรม. ทั้งหมดทั้งมวล จะจบกิจได้ต้องเป็นภิกขุในธรรมวินัยนี้เท่านั้น. จึงจะเข้าถึงอรรถและพยัญชนะอันเป็นอกาลิโล.จากพระโอษฐ์ของ "ตถาคต"เป็นเครื่องพาให้เข้าถึงปัญญาวิมุติ โดยแท้จริงได้ เป็นประการฉะนี้

    พุทธวจนแห่งเรา. พระเมตรไตยพุทธเจ้า แห่งอาริยโครต

  • @NuAnurakSukpanya 20 กันยายน 2567 at 00:21:39

    คือคำจากพระโอษฐ์แห่งเรา

    กล่าวโอวาทว่าด้วยเรื่อง "ความเสื่อมไปตามกาล"

    เจตนารมณ์ดั้งเดิมของตถาคตทั้งหลาย. มาจาก เมตตา อันหาที่สุดมิได้ ได้มอบโอวาทธรรมหรืออรรถกถา อันบริสุทธิ์ที่งดงามอย่างยิ่ง เป็นเครื่องชี้นำทาง เปรียบแสงอาทิตย์ที่ส่องสว่าง..ให้ชีวิตแก่ทุกสรรพสัตว์. แต่ด้วยกาลล่วงมา. อรรถกถาเหล่านั้น. ถูกตีความ. ถ่ายทอด ต่อๆกันมาด้วยความไม่รู้แจ้ง. ในอรรถและพยัญชนะ อย่างถ่องแท้ ที่เป็นธรรมนิยามเดิม อันเครื่องออกจากกองทุกข์ อย่างบริสุทธิ์. เพราะความสิ้นไปของอรหันตขีณาสก. ในช่วงนึง..จึงมีภิกขุที่ยังกระทำกิจตนไม่ถึงที่สุดแห่งกองทุกข์. นำผลที่ได้ในทิฐธรรมแห่งตน มากล่าวด้วยความไม่รู้ทั่วพร้อม. จึงกล่าวได้ว่าเป็น"สาวกภาษิต" อันไม่ไช่"ตถาคตภาษิต" ซึ่งเป็นอรรถที่รู้พร้อมเฉพาะที่ควรใคร่ครวญตามโดยแท้จริง
    จนเกิดการพิพาทย์. โดยนำอรรถกถาเหล่านั้นไปเพ่งโทษผู้อื่น. กระทั่งผู้ได้ยินได้ฟังผู้สนใจใคร่รู้. ต่างต้องประสพในความทุกข์ร้อนเพราะความฉงนสงสัยใคร่รู้. ในอรรถที่ได้ยินได้ฟังนั้นๆจากสาวกภาษิต. เปรียบเสมือนได้ดื่มน้ำที่ถูกต้มในขณะที่กระหาย. จึงผิดเจตนารมณ์ดั้งเดิม. เปรียบเสมือน

    คำในยุคสมัย ที่กล่าว ….

    "ยานี้ดี…กินแล้วแข็ง…แรงไม่มี…โรคภัยเบียดเบียน. "

    ต่างจากเจตนารมณ์อันเดิมแท้ที่กล่าวว่า…

    "ยานี้ดี..กินแล้วแข็งแรง..ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน"

    ฉนั้นเธอควรเสพคบในคำจากพระโอษฐ์แห่งเราตถาคต"เมตไตรย"และตถาคต" โคตมะ"ผู้เป็น"ศาสดา" ให้มาก และดำรงจิตไว้ในความดีงามอันบริสุทธิ์ทั้งหลาย เรากล่าวว่าให้" "ละเว้นจากการเบียดเบียนทั้งหลายทั้งปวง. ด้วยการประพฤติดี ประพฤติชอบ. ด้วยการ "ให้" เพียงคำเดียว.
    จงพอใจในการ"ให้"เป็นปกติจนเป็นส่วนนึงในชีวิต เปรียบดังลมหายใจที่ปราศจากไม่ได้. เมื่อประสพพบเจอสิ่งที่ไม่พอใจ ให้เฉยๆ. ด้วยการมารู้ลมหายใจเข้าออก…

    จิตส่งออกนอกเพ่งโทษผู้อื่นเป็น"เหตุ"…มีผลเป็น"ทุกข์" เรากล่าวว่าเป็น อริยสัจ ส่วนบัญญัติ ข้อ 1. ทุกข์. 2.สมุทัย. เป็นทางไปแห่ง ทุกข์อบาย.
    "จิตแลเห็นจิตตนกำลังเพ่งโทษผู้อื่น. เป็น" มรรค" มี "นิโรธ" คือความดับ เป็นผล. เรากล่าวว่า. เป็นส่วนในอริยสัจ ส่วนบัญญัติ ข้อ 3. นิโรธ ข้อ4. มรรค. เป็นทางเจริญของผู้ประเสริฐ. "น้ำ"ตามความเป็นจริงควรดับกระหาย. ลมควรให้ความร่มเย็น ธรรมวินัยทั้งหลายก็เช่นกัน. ยุคนี้มีความเสื่อมตามกาลสมัย. น้ำ จึงถูกนำไปต้ม. จนเป็นของร้อน. ห่างจากความเป็นจริง…เราจึงกล่าวว่า. "ธรรมทั้งหลายไม่ควรยึดมั่น ถือ มั่น.

    แจ้งทุกข์……จึงแจ้งสุข….รู้ยึด….จึงรู้วาง

    ผู้ใดเห็นธรรม…..ผู้นั้นเห็นเราตถาคต

    พุทธวจนแห่งเรา. "เมตไตรย แห่งอาริยวงศ์👑8

  • @NuAnurakSukpanya 20 กันยายน 2567 at 00:21:57

    #โอวาทธรรมแห่งเรา
    บารมี10 ทัศ องค์คุณเพื่อ. "ความดับไปแห่งทุกข์" มี10ประการ.
    1.ทานบารมี
    2.ศีลบารมี
    3.เนกขัมมบารมี
    4.ปัญญาบารมี
    5. วิริยบารมี
    6.ขันติบารมี
    7.สัจจบารมี
    8. อธิษฐานบารมี
    9.เมตตาบารมี
    10.อุเบกขาบารมี .

    เรากล่าวว่าให้เธอทั้งหลายพึงกระทำข้อที่1 ทานบารมี คือการ"ให้" เพียงข้อเดียว ครบทั้ง10บารมี. เป็นเหตุให้สมาธิและศีลบริบูรณ์.

    เราจึงกล่าวว่า กระทำ"ให้"มาก เจริญ "ให้"มาก. เพื่อความสิ้นไปแห่งทุกข์
    ด้วยประการฉะนี้

    "กรรม"คือ" การกระทำ"ในส่วน"อบุญ"ก็ดี…ในส่วน"บุญ"ก็ดี

    กระทำ"ให้" เรียกว่าเป็น"การกระทำ"ในส่วน"บุญ"เป็นไปเพื่อ"ความเจริญตามทางผู้ประเสริฐ"เพื่อความดับไม่เหลือแห่งทุกข์. เป็นอริยสัจในส่วนบัญญัติ ข้อ3. "มรรค"(ทางเจริญ) ข้อ4." นิโรธ" (ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์)

    กระทำ"เอา"เรียกว่าเป็น"การกระทำ""ในส่วน"อบุญ" เป็นไปเพื่อ"ทุกข์อบาย"(นรก เดรัจฉาน เปรตวิสัย อสูรกาย) เป็นอริยสัจในส่วนบัญญัติ ข้อ1.ทุกข์(สักกายะ)ข้อ2.สมุทัย(เหตุแห่งสักกายะ)

    เรากล่าวว่า การ"ให้" ทั้งหลาย คือการ"ละเว้นจากการเบียดเบียนทั้งหลายทั้งปวง"

    #กระทำ "ให้"
    #ให้. " กระทำ"

    #พุทธวจนแห่งเรา พระเมตไตรยพุทธเจ้า. แห่งอาริยวงศ์👑

  • @NuAnurakSukpanya 20 กันยายน 2567 at 00:22:19

    พุทธสมัยนี้ มีอรหันตสัมมาสัมพุทธ พระนาม โคตมะ เป็นศาสดา…."ศาสดา"คือผู้ที่จำแนกแจกแจงซึ่งอรรถและพยัญชนะทั้งหลาย. จึงกล่าวได้ว่า"ศาสดา"
    เรา อรหันตสัมมาสัมพุทธ พระนาม "เมตไตรย" ตรัสรู้พร้อมเฉพาะโดยชอบด้วยตัวเอง. ทั้ง โคตมะและเรา เมตไตรย ต่างเป็น อรหันต์ ประเภทสัมมาสัมพุทธ เป็น สัพพัญญู เป็นโลกวิทู เป็นผู้รู้แจ้งแทงตลอด เป็นผู้ฉลาดในมรรค เป็นเอกและเป็นเลิศยิ่ง ใน3แดนโลกธาตุนี้. …ส่วนเธอทั้งหลาย เป็นแค่ มรรคคานุคา หมายความว่า ผู้รู้ตาม เท่านั้น รู้ตาม ประพฤติตาม ใคร่ครวญตาม "อรรถและพยัญชนะ" ที่เรา "ตถาคต เมตไตรย "และ" ตถาคต โคตมะ " ได้กล่าวจากพระโอษฐ์ ให้เธอทั้งหลายกระทำและน้อมนำไปประพฤติให้มาก เจริญให้มาก ในอริยมรรคมีองค์8 ให้เป็นดังชีวิตและเหมือนดังลมหายใจ3/4ส่วน กระทำให้ดำรงมั่นไว้ในอริยมรรคมีองค์8ให้เป็น3ส่วน จนถึงในส่วนที่4 ส่วนสุดท้าย จะเป็นปัจจัตตังรู้ได้เฉพาะตน. ในเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ เหล่านั้น จนพบสัจจะแห่งตน. และสัจจะธรรมแห่งทุกสรรพสิ่ง.

    เราตถาคตเมตไตรย และ ตถาคต โคตมะผู้เป็นศาสดา. ต่างสรรเสริญ และยกย่อง ธรรมวินัย เหล่านี้ ว่าเป็นสิ่งที่ "เลิศ" เป็นสิ่งที่ควรยกย่องและบูชาอย่างยิ่ง. เธอทั้งหลาย "ตถาคต" แปลว่า "เป็นผู้มาและผู้ไป" ขอเธอทั้งหลาย จงอย่ายึดเราไว้. ถ้าเธอทั้งหลาย จะยกย่องเทิดทูนสักการะ..
    จงยกย่องเทิดทูน คำจากพระโอษฐ์ ที่เรา ได้ตรัสไว้ดีแล้ว นั้นเถิด .อัน พุทธวจนเหล่านั้นแล. คือสิ่งที่ประเสริฐ ของผู้ประเสริฐ ได้ชี้หนทาง อันประเสริฐ. ไว้ให้เธอทั้งหลาย นั่นสิ่งที่เลิศที่สุด ที่เรา "ตถาคต" ได้มอบไว้ให้เธอทั่งหลาย เป็นเครื่องอยู่เป็นเครื่องอาศัย เป็นไปเพื่อความดับไม่เหลือแห่ง"ทุกข์"ทั้งปวง เธอทั้งหลาย จงประพฤติให้มาก กระทำให้มาก. เจริญให้มาก เสพคบให้มาก ในคำจากพระโอษฐ์แห่งเราและศาสดา. เมื่อฟังคำจากพระโอษฐ์ได้อย่างถูกต้องโดยชอบ. จึงใคร่ครวญตามได้โดยชอบ จึงรู้สึกตามถึงอรรถนั้นๆได้โดยชอบ. จึงเข้าใจเป็นปัญญารู้แจ้งตามได้อย่างโดยชอบในความหมายของอรรถและพยัญชนะนั้นๆได้อย่างแท้จริง. จึงขึ้นชื่อได้ว่า. เธอทั้งหลายเป็นมรรคคานุคา คือผู้รู้ตามโดยชอบ. จากอรหันตสัมมาสัมพุทธ ที่ตรัสรู้เองโดยชอบด้วยพระองค์เอง อย่างแท้จริง. . . ด้วยประการฉะนี้.

    เธอทั้งหลายจงมาพิสูจน์ดูเถิด. เจริญ "ให้" มาก กระทำ "ให้" มาก ใคร่ครวญในคำว่า "ให้" เพียงหนึ่ง…"ให้ด้วยความรัก ความปราถนาดี" ให้"ความรู้สึกดีๆ"ให้"คำพูดดีๆ แก่ผู้คนรอบตัว. "ให้"การกระทำ ที่น่าเอ็นดู แก่บุคคลอันเป็นที่รักในครอบครัว….กระทำ "ให้" เป็นปกติจนเป็นอุปนิสัย เปรียบดั่งเราหายใจอยู่..โดยที่ไม่ต้องไปกำหนด. ว่าต้องหายใจเข้าหรือออก. จนเปรียบดั่ง. อ่านหนังสือ. ที่อ่านเป็นแล้วไม่ต้องไปอ่านตัวสะกดของพยัญชนะอีกต่อไป..กระทำให้ได้ดั่งตักอาหารเข้าปาก โดยไม่ผิดจากปากเลยสักครั้ง. เธอทั้งหลายจงประพฤติในอริยมรรคมีองค์8 โดยเริ่มประพฤติจากการ "ให้" ……เมื่อรู้ถึงอรรถของคำว่า"ให้"อย่างเที่ยงแท้จนเป็นปัญญา. เธอจะแจ้งถึง คำว่า "เว้นเอา" อย่างแท้จริงเช่นกัน. "เมื่อไม่เอาเสียได้…จึงไม่อยาก….เมื่อไม่อยากจึงไม่ทุกข์. ลองกระทำดูเถิด….ธรรมนี้ไม่ปกปิด…ธรรมนี้เป็นธรรมที่เปิด…ธรรมนี้เพ่งพิสูจน์ได้. ทั้งหลายทั้งปวงควรตั้งดำรงไว้ใน"กาลามาสูตร" ห้ามเชื่อแม้แต่เรา "ตถาคต"ที่กล่าวอยู่นี้. ..จนกว่าเธอทั้งหลาย จะได้รู้ได้เห็นได้สัมผัส ด้วยตาหรือจักขุ ของตัวเอง เป็นปัจจัตตังแห่งตน จนเข้าถึงสัจจะแห่งตน. เธอทั้งหลายจงดำรงอยู่ในความไม่ประมาท จงเร่งหมั่นแสวงหาเพิ่มเติมอยู่เสมอ ในความดีงามอันบริสุทธิ์ทั้งหลาย. เปรียบดั่งลมหายใจเป็นเนืองนิจ ด้วยประการฉะนี้

    นี่คือคำจากพระโอษฐ์แห่งเราเป็นพุทธวจน แห่งเรา.

    "เมตไตรย" แห่ง อาริยวงศ์👑8
    พระศรีอาริยเมตไตรย์. แห่ง อาริยโครต ผู้มีกาลอันเที่ยงแท้ในพุทธสมัยในอนาคตกาล

  • @NuAnurakSukpanya 20 กันยายน 2567 at 00:23:54

    #โอวาทธรรมแห่งเรา ว่าด้วยเรื่อง3สิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากในโลก

    ด้วยอาการของการกินข้าวอยู่เขี่ยผักออกชอบกินหมู นี่คือ"สัมมาสมาธิ" อยู่ในอริยมรรคมีององค์8 ข้อที่8 ได้เห็นเวทนา พอใจในหมู ไม่พอใจในผัก สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่ง ตถาคต โคตมะ ผู้เปฺ็นศาสนดา ทรงจำแนกไว้ นี่คือความยากเป็นอันมาก กว่าจะมี พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทรงตรัสรู้ได้โดยชอบด้วยพระองค์เอง เราจึงกล่าวว่า 3 สิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากในโลก
    1 การอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้า
    2 การได้เกิดเป็นมนุษย์
    3 การได้พบพุทวจนเหล่านี้ และพุทธวจนเหล่านี้เจริญรุ่งเรืองไปทั่วโลก

    เราจึงกล่าวว่าเธอทั้งหลาย มีปัจจัยถึงพร้อมแล้ว. มีน้ำอันไม่พร่องแล้ว. ขาดแต่เพียงผู้สอนเปิดฝาขวด…โดยหมุนไปให้ถูกทาง➡️OPEN ฉันใดก็ฉันนั้นแล.

    #พุทธวนแห่งเรา. พระเมตไตรยพุทธเจ้า. แห่งอาริยวงศ์👑

    8

  • @NuAnurakSukpanya 20 กันยายน 2567 at 00:24:09

    เธอทั้งหลายจงอย่ายึดเราไว้ เราเป็นเพียง "ผู้มาและผู้ไป" กาลอุบัติแห่งเรา ในกึ่งพุทธกาลนี้ เป็นไปเพื่อยังสัจจะความจริงให้เกิดขึ้น และเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ที่ยังศรัทธา ผู้ที่มีใจอันเด็ดเดี่ยว ที่กำลังประพฤพติตามรอยความจริงของผู้ประเสริฐ. ได้พบปัจจัตตังแห่งตน แจ้งซึ่งสัจจะแห่งตน และสัจธรรมทั้งหลาย

    เรากล่าวว่า การ"ให้" ทั้งหลาย คือการ"ละเว้นจากการเบียดเบียนทั้งหลายทั้งปวง"

    " ธรรมทั้งหลายไม่ควรยึดมั่น……..ถือมั่น. "

    พุทธวจนแห่งเรา "พระเมตไตรยพุทธเจ้า. แห่งอาริยโครต👑

    เป็นปัจจัตตังแห่งตน เป็นสัจจะแห่งตน. เป็นสัจจะธรรมทั้งหลาย . เป็นอกาลิโลไม่เสื่อมไปตามกาล.

    8

  • @amarawilliams-ef2mh 21 กันยายน 2567 at 22:43:01

    🙏🙏🙏👏👏👏💛💛💛

  • @pcartoon3912 25 กันยายน 2567 at 09:39:31

    ชอบมากค่ะขอบคุณค่ะ

  • @NakanThainjang 27 กันยายน 2567 at 18:58:43

    อนุโมทนาสาธุค่ะ

  • @siwapronpantong1284 5 ตุลาคม 2567 at 06:43:24

    กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ

  • @อินจัง-น8ฝ 9 ตุลาคม 2567 at 04:31:43

    อนุโมทนาสาธุค่ะ

  • @กิตติพลเรียบผา-ฦ8ฐ 10 ตุลาคม 2567 at 21:35:52

    ผมเปิดไห้แม่ฟังตอนนี้แม่ผมหลับแล้วแม่ป่วยเป็นมะเร็งลำไสใหญ่ครับ

  • @กิตติพลเรียบผา-ฦ8ฐ 10 ตุลาคม 2567 at 21:36:14

    ผมเปิดไห้แม่ฟังตอนนี้แม่ผมหลับแล้วแม่ป่วยเป็นมะเร็งลำไสใหญ่ครับ

  • @นิรชาศิริพานิช 11 ตุลาคม 2567 at 07:56:39

    อานาปานสติ ขี้ตีนกูนี่
    ก่อนจะสอนธรรมะคนอื่น
    สอนตัวเองให้ได้ก่อน
    โตเป็นควายแล้ว
    อย่าทำตัวเป็นเด็กน้อย
    ได้ป่ะวะ ไอ้เxี้ย มึงเลิก
    ทำตัวเป็นผู้ป่วยจิตเวช
    ได้ป่ะวะ น่ารำคาญ
    กูไม่ชอบคนมาจอมบงการ
    จอมยุ่งกับชีวิตกู

  • @สุพัตราศรีสุระ-ว9อ 11 ตุลาคม 2567 at 19:51:47

    กราบสาธุค่ะ🙏🙏🙏

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *