วิธีเปลี่ยนนิสัยเพื่อพิชิตทุกเป้าหมาย สรุปหนังสือ Tiny Habits บทที่ 02

6 พฤศจิกายน 2567



สรุปบทที่ 2 ของ Tiny Habits วิธีเปลี่ยนนิสัยที่ง่ายที่สุด โดยไม่ต้องใช้แรงจูงใจ

ซื้อหนังสือ
Shopee https://atth.me/go/sM8JSGLU
Lazada https://atth.me/go/sn0qNhON

หลักการในหนังสือ เรียกว่าการออกแบบพฤติกรรม ซึ่งมี 7 ขั้นตอน คือ
1. ระบุเป้าหมายให้ชัดเจน
2. มองหาตัวเลือกพฤติกรรม
3. จับคู่ตัวเองกับพฤติกรรมที่ทำได้ง่าย
4. เริ่มต้นจากเล็กๆ
5. หาสัญญาณที่ดี
6. ฉลองความสำเร็จ
7. ขยายนิสัยดีๆ

คลิปนี้จะพูดถึงข้อ 1-3 ครับ

คนส่วนใหญ่พึ่งพาแรงจูงใจในการเปลี่ยนพฤติกรรม แต่นั่นเป็นวิธีที่ผิดนะครับ

เพราะแรงจูงใจเอาแน่เอานอนไม่ได้ เวลาที่มันพุ่งขึ้นสูง เราจะทำอะไรที่เกินความสามารถหรือฝืนนิสัยของตัวเองได้ แต่อีกวันนึงแรงจูงใจก็หายไปหมด จนเราไม่อยากทำอะไร

บางครั้งจูงใจก็ขัดกันเองอีกต่างหาก เช่น คุณอยากลดน้ำตาล แต่ช็อคโกแลตชิ้นนั้นก็น่ากินเหลือเกิน ดังนั้นเราเลยใช้แรงจูงใจเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในระยะยาวไม่ได้

คำถามคือ เราจะเปลี่ยนนิสัยโดยไม่ใช้แรงจูงใจได้ยังไง

ก่อนอื่น ดอกเตอร์ BJ Fogg แนะนำว่าเราต้องฝันให้ใหญ่ มีเป้าหมายชัดเจน หรือจะสร้าง Vision Board ขึ้นมาก็ได้ ยิ่งเรามีเป้าหมายชัดเจนเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น เพราะจะทำให้เราพุ่งไปหามันได้ดีขึ้น

ทำไมหลายคนถึงหยุดแค่ความฝันแล้วไม่ลงมือทำ เพราะเราหลงเชื่อว่าต้องมีแรงจูงใจถึงจะทำความฝันได้ แต่เค้าย้ำว่าเราหวังพึ่งพาแรงจูงใจไม่ได้

หนังสือแนะนำ 3 ขั้นตอนที่จะไปถึงเป้าหมายได้โดยแทบไม่ใช้แรงจูงใจเลย นั่นคือ

1 กำหนดสิ่งที่คุณต้องการให้ชัดเจน อาจเป็นปัญหาที่คุณอยากแก้ในตอนนี้ หรือเป้าหมายเรื่องสุขภาพ การงาน และอื่นๆ แล้วเขียนมันออกมา 1 ข้อครับ
2 หาพฤติกรรม ถ้าคุณมีเวทย์มนต์ทำให้ตัวเองทำพฤติกรรมอะไรก็ได้ ที่จะทำให้เป้าหมายในสำเร็จ พฤติกรรมนั้นมีอะไรบ้าง เขียนมันออกมาเยอะๆ สร้างสรรค์ได้เต็มที่ ตอนนี้คุณมีเวทย์มนต์
3 จับคู่ตัวเองกับพฤติกรรมที่ดีที่สุด ด้วยแผนภูมิโฟกัส

แผนภูมิโฟกัสเป็นแผนภูมิที่มีสองแกน เส้นตั้งกับเส้นนอนตัดกันเป็นรูปกากบาท
• ปลายด้านบนของเส้นตั้ง เขียนว่า พฤติกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยให้เป้าหมายสำเร็จ
• ปลายด้านล่างของเส้นตั้ง เขียนว่า พฤติกรรมที่มีประสิทธิภาพต่ำในการช่วยให้เป้าหมายสำเร็จ
• ปลายทางซ้ายของเส้นนอน เขียนว่า ไม่ ฉันทำพฤติกรรมนี้ไม่ได้
• ปลายทางขวาของเส้นนอน เขียนว่า ใช่ ฉันทำพฤติกรรมนี้ได้

เรามาดูตัวอย่างกันนะครับ

1 กำหนดสิ่งที่ต้องการให้ชัดเจน
ผมต้องการตื่น 6 โมงเช้าให้ได้

2 หาพฤติกรรม
• นอนก่อน 4 ทุ่ม
• นอนก่อน 5 ทุ่ม
• นอนก่อน 5 ทุ่มครึ่ง
• นอนก่อนเที่ยงคืน
• ไม่กินกาแฟหลัง 14.00
• ปิดคอมก่อน 4 ทุ่ม
• ปิดคอมก่อน 5 ทุ่ม
• ทำให้ห้องนอนหอม ๆ จะได้ชอบเข้าไปนอน
• ปิดแอร์ห้องทำงานก่อน 5 ทุ่ม
• ตั้งนาฬิกาปลุก 06.00
• ตั้งนาฬิกาปลุก 06.30
เท่าที่ผมนึกออกก็น่าจะประมาณนี้ครับ

3 จับคู่ตัวเองกับพฤติกรรมที่ดีที่สุด
เราจะเอาพฤติกรรมจากข้อ 2 มาใส่แผนภูมิโฟกัส เพื่อหาว่าพฤติกรรมแบบไหนที่จะพาเราไปหาเป้าหมายได้ดีที่สุด และง่ายที่สุด

อันดับแรก ถามตัวเองว่า พฤติกรรมข้อไหนที่คุณคิดว่าจะช่วยให้เป้าหมายสำเร็จได้มากที่สุด ถ้าช่วยได้มากก็จับมันไว้บน ๆ ถ้าคิดว่าช่วยได้น้อย จับมันไว้ล่าง ๆ ทำแบบนี้จนครบทุกพฤติกรรม

อันดับสอง ถามตัวเองว่าพฤติกรรมข้อไหนที่คุณทำไม่ได้แน่ ๆ หรือไม่อยากทำเลย ก็จับมันไปทางซ้าย พฤติกรรมข้อไหนที่คุณคิดว่าทำได้ หรือชอบทำ ก็จับมันไปทางขวา

ประเด็นคือ เค้าเน้นให้เลือกพฤติกรรมที่อยากทำ ไม่ใช่พฤติกรรมที่ควรทำนะครับ เพราะถ้าเลือกพฤติกรรมที่คิดว่าควรทำ เราต้องอาศัยแรงจูงใจเยอะ ดังนั้นจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง

จัดไปเรื่อย ๆ จนครบ จะเห็นว่ามีพฤติกรรมกลุ่มหนึ่งที่กองกันอยู่มุมขวาบนของแผนภูมิ นี่คือพฤติกรรมที่คุณควรทำ ส่วนพฤติกรรมอื่นให้ลืมมันไปก่อน

นิสัยที่อยู่มุมขวาบนของผม คือ
• นอนก่อน 5 ทุ่ม
• นอนก่อน 5 ทุ่มครึ่ง
• ไม่กินกาแฟหลัง 14.00
• ตั้งนาฬิกาปลุก 06.30

จะเห็นว่าบางนิสัย ก็ไม่ได้ทำให้ผมตื่นหกโมงเช้านะครับ แต่อย่างน้อยมันก็พาผมเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น และมีโอกาสทำได้จริง ดังนั้นก็เป็นตัวเลือกที่ดี

เมื่อได้นิสัยที่คิดว่าเหมาะๆ แล้วก็ลองทำดู ถ้าทำไม่ได้จริง และยังต้องใช้แรงจูงใจมากเกินไป เราก็เปลี่ยนแผน หรือทำให้นิสัยง่ายขึ้นได้อีกได้ตลอดเวลาครับ

สำหรับบทที่ 2 ก็จบเท่านี้ครับ หวังว่าจะมีประโยชน์ ใครฟังแล้วคิดว่าอยากอ่านทั้งเล่ม สามารถซื้อได้จากลิงค์ด้านล่างนะครับ ผมจะได้ค่าขนมเล็กน้อยด้วย ขอบคุณคร้าบ

No Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *