คุณอาเรียโต๊ะข้างๆพูดรัสเซียหวานใสซะหัวใจวายใส่

2 พฤศจิกายน 2567



คุณอาเรียโต๊ะข้างๆพูดรัสเซียหวานใส่ซะหัวใจจะวาย
“ทำไมผมถึงฟังออกนั้น
และทำไมเธอพูดหวานทุกวัน
แล้วทำไมต้องแกล้งไม่รู้นั้น
มีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังกัน”

เราได้รับการโหลดหนังสือเรื่องนี้ฟรีมาดูผ่านอีบุ๊คส์ใน “BOOKEALKER” และพอเราอ่านจบไปหนึ่งเล่มก็ติดทันที เพราะเราขำคุณอาเรียสุดๆที่เธอทั้งพูดจาหวานแต่ปากแข็งไม่ยอมรับว่า “พูดหวานแบบนั้น” และเราเคยเจอเพื่อนที่เหมือนคุณอาเรียคือแอบชอบเพื่อนญี่ปุ่น และพูดบอกรักภาษาไทยแต่พอเป็นภาษาญี่ปุ่นกลับปฏิเสธ จนกระทั่งวันหนึ่ง เพื่อนญี่ปุ่นบอกว่า “ฟังออก” และจบตรงที่ทั้งคู่แยกกันไป เพราะเพื่อนผู้หญิงอาย จนไม่ได้คุยกันต่ออีก

“รักหน้าตาเป็นแบบไหน”

คุณอาเรียโต๊ะข้างๆพูดรัสเซียหวานใส่ซะหัวใจจะวาย เล่ม 1
คุณอาเรียแอบหลงรักคุเซะแต่ก็เขินอายจนไม่กล้าที่จะบอกไป เพราะฉะนั้น อาเรียจะเลือกที่จะพูดจาภาษารัสเซียทั้งบอกรักอ้อม ทั้งออดอ้อน ทั้งขอร้อง ทั้งขอความช่วยเหลือ ทั้งน้อยใจเพื่อพึมพำกับตัวเอง รวมถึงการตัดพ้อตั้งหลายหลายอย่างกับคุเซะ โดยที่อาเรียเข้าใจว่า “คุเซะไม่รู้” เพราะคุเซะชอบถามว่า “อาเรียพูดอะไร” และอาเรียก็จะปากแข็งพูดคนละเรื่องกัน จนกระทั่งวันหนึ่งที่อาเรียเผลอเข้าใจบางอย่างผิดกับคุเซะ แต่ด้วยความเข้าใจผิดนี่ก็ทำให้ทั้งคู่อยู่ใกล้ชิด และทั้งคู่เริ่มจะมีความรู้สึกดีๆต่อกัน

Tokidoki Bosotto Russia-go de Dereru Tonari no Aalya-san
คุณอาเรียชอบคุเซะคุง แต่ไม่กล้าที่จะพูดความจริงออกไป นอกจากที่จะพูดอะไรตรงกันข้ามกับความรู้สึกของตัวเอง ยกเว้นเวลาที่พูดภาษารัสเซียทั้งบอกรักและบอกความรู้สึกแก่คุเซะ โดยที่อาเรียไม่รู้ว่า “คุเซะฟังภาษารัสเซียเข้าใจ” วันหนึ่ง คุเซะตัดสินใจที่จะสมัครเป็นรองประธานร่วมกับอาเรียและประกาศลงแข่งกับน้องสาวแท้ๆที่อาเรียเข้าใจผิดว่า “เป็นคนรักเก่าของคุเซะ” และคุเซะพยายามช่วยผลักดันอาเรียตลอดเพื่อให้อาเรียชนะการแข่งขันครั้งนี้ให้ได้ แต่สุดท้ายแล้วจะชนะหรือไม่ชนะก็ต้องรอภาค 2 ส่วนความรักของทั้งคู่ก็เพิ่งเริ่มต้นเองค่ะ

“คุณอาเรีย พูดจาหวาน ใส่เขานั้น
จดจำกัน พูดจาหวาน ถึงความหวัง
ที่ขอรัก พูดจาหวาน กันทุกครั้ง
และสุดดัง พูดจาหวาน กันทั้งเมือง”

เราอ่านไปก็ขำไปกับความน่ารักของทั้งคู่ และเราตลกตรงที่พระเอกต้องชมนางเอกตอนเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งทั้งคู่ก็ดูอายไปพร้อมกับดูขำๆในฉากนี้ด้วย และเราขอเดานะว่า “นางเอกคือเพื่อนสมัยเด็ก” ซึ่งทุกคนคิดว่า “เราเดาถูกหรือเปล่านะ” และเราขอแนะนำ หากเพื่อนไม่ได้หนังสือฟรีแบบเรา เราแนะนำดูอนิเมชั่นแทน เพราะสนุกไม่ต่างจากอ่านหนังสือ

“I’m a work in progress,
but I’m proud of how far I’ve come.”
(ฉันยังมีอะไรให้เรียนรู้
แต่อย่างน้อยก็ภูมิใจกับสิ่งที่ฉันทำมา)

อย่างที่เราบอกว่า “ทุกคนดูอนิเมชั่นก็ได้ เนื่องจากอนิเมชั่นมีภาพวาดที่สวยงาม และเนื้อหาชวนสนุก ขำ และหวานสมชื่อจริงๆค่ะ และเราคิดว่า “เนื้อหาทำออกมาดีขนาดนี้” ภาคสองคงต้องมาแล้วล่ะค่ะ เพราะแหมๆจบทีแต่ละตอนนี่ทำให้คนดูอยากดูต่อทันที” ค่ะ

LOOK A BREATHE

No Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *